aczaa
27th October 2014, 15:29
แล้วมันใช้ประโยชน์อะไรได้? เป็นประโยคที่หล่นจากปากของนายกรัฐมนตรีแห่งอังกฤษหลังจากดูสาธิตกลไกการทำงานของไฟฟ้ากับแม่เหล็กโดยนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง
นักวิทยาศาสตร์คนนั้นชื่อ ไมเคิล ฟาราเดย์ เป็นผู้ค้นพบความลับเกี่ยวกับไฟฟ้ามากมายหลายเรื่อง งานของเขาล้ำยุค แต่ดูไม่มีประโยชน์อะไร
ฟาราเดย์ผู้นี้มีชาติกำเนิดต่ำต้อย ฐานะยากจนมาก เขาเรียนไม่จบชั้นประถมเพราะครูเห็นว่าเขาเป็นเด็กทึ่ม
เขาอาจไม่ได้กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์หากมิใช่เพระเขาทำงานในร้านทำปกหนังสือ มีโอกาสผ่านตาหนังสือจำนวนมากมาย
เขาอ่านหนังสือทุกเล่มที่ผ่านมืออย่างกระหาย และพบว่าตัวเองรักวิทยาศาสตร์ เขาเรียนเองทุกอย่าง ค้นคว้าทดลองเกี่ยวกับไฟฟ้าแทบทุกอย่างที่จินตนาการของเขาโลดแล่นไปถึง
::::::::::::::::::
โลกต้นศตวรรษที่ 19 รู้จักไฟฟ้าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร งานของฟาราเดย์ก้าวหน้าเกินกาล
เขารู้ว่าเขากำลังก้าวไปสู่พื้นที่ใหม่ที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน แม้ว่าเขาจะสร้างชื่อเสียงในระดับหนึ่ง แต่คนในยุคของเขามองไม่เห็นคุณค่าของงานของเขา เป็นที่มาของคำถามของนายกรัฐมนตรีข้างต้น
ผ่านไปอีกหนึ่งร้อยปี มนุษย์รู้เรื่องเกี่ยวกับไฟฟ้าหมดแล้ว และเริ่มทำความเข้าใจกับอะตอมและอนุภาค โลกเคลื่อนเข้าสู่ยุคอวกาศ แต่คำถามแบบเดิมก็ยังคงอยู่
ทุกครั้งที่มีการส่งจรวดออกนอกโลก มีเสียงคำถามดังขึ้นเสมอว่า ส่งจรวดไปนอกโลกทำไม ในเมื่อประชาชาตินับพันล้านคนอดอยาก มีคนอดตายทุกวัน เอาเงินค่าทดลองจรวดไปช่วยคนพวกนั้นไม่ดีกว่าหรือ?
ทุกครั้งที่นักวิทยาศาสตร์ศึกษาเรื่องอะตอมและอนุภาคชื่อประหลาด ๆ หลายคนบอกว่า แล้วมันใช้ประโยชน์อะไรได้?
::::::::::::::::::
นอกจากเรื่องการค้นคว้าทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้ว คนจำนวนมากยังตั้งคำถามเกี่ยวกับการศึกษาวิชาเลขคณิต เราขาคณิต พีชคณิต ตรีโกณมิติ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ปรัชญา ฯลฯ ว่า
เรียนวิชาบ้าพวกนี้ไปทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นต้องใช้
คนส่วนมากเรียนหลายวิชาเหล่านี้ในโรงเรียน แล้วไม่ได้นำไปใช้ประกอบอาชีพในตอนโตแต่อย่างไร
จริงหรือไม่ที่เราเรียนวิชาบ้าพวกนี้ไปทำไมก็ไม่รู้? จำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้วิชาที่ รู้ไปทำไม?
::::::::::::::::::
บางทีมันขึ้นกับว่าเราอยากเป็นมนุษย์แบบไหน และเราอยากได้สังคมแบบใด
เราเป็นสัตว์โลกที่รู้จักมองไกลไปในอนาคต เราคาดการณ์ปัญหาก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง มันเป็นกระบวนการหนึ่งเพื่อความอยู่รอดของเรา
ยิ่งเรารู้มากเท่าไร โอกาสรอดของสายพันธุ์ก็สูงขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่การจะทำอย่างนี้ได้ เราต้องมีองค์ความรู้ที่กว้างพอ
องค์ความรู้ระดับนี้มาจาก...ความหลากหลายของความคิด
ความหลากหลายของความคิดมาจาก...การรู้รอบด้านและทดลองหาทางสายใหม่
การรู้รอบด้านและทดลองหาทางสายใหม่มาจาก...การวางรากฐานเด็ก ๆ ด้วยการเรียนรู้ทุกวิชาก่อน
ความรู้ไม่ใช่ผลไม้ที่มีอยู่แล้วในป่ารอเราไปเก็บ มันไม่พอที่จะสร้างสังคมที่สมบูรณ์ขึ้น เราต้องการผลไม้ใหม่ ๆ ที่เราต้องค้นหาหรือสร้างขึ้นมาเอง
และหนทางไปสู่ความรู้ใหม่ ๆ ก็คือการทดลองเรื่องประเภท ทำไปทำไม? เช่นที่ ไมเคิล ฟาราเดย์ ทำ
::::::::::::::::::
ในวันนั้นเมื่อนายกรัฐมนตรีอังกฤษถามเขาว่า แล้วมันใช้ประโยชน์อะไรได้? ฟาราเดย์ตอบว่า แล้วทารกแรกเกิดใช้ประโยชน์อะไรได้?
บุคคลสำคัญและผู้สร้างสรรค์สิ่งสำคัญของโลกทุกคนล้วนเป็นทารกไร้ประโยชน์มาก่อนทั้งสิ้น! งานนวัตกรรมทุกชิ้นเป็นทารกแรกเกิด มันอาจโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่สมบูรณ์ หรืออาจตายเสียก่อน เราไม่มีทางรู้จนกว่าจะลองเลี้ยงทารกคนนั้น
ทารกแรกเกิด ที่ดูไร้ประโยชน์ของฟาราเดย์กลายเป็นรากฐานให้ เจมส์ คลาร์ก แมกซเวลล์ สานต่อ แล้วต่อมาเป็นรากฐานให้ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ พัฒนาความคิดของเขา ต่อยอดกลายเป็นการค้นพบอันยิ่งใหญ่แห่งสหัสวรรษ!
::::::::::::::::::
หากปราศจากผลงานที่ ใช้ประโยชน์อะไรได้? ของ ไมเคิล ฟาราเดย์ ในวันนั้น และหากปราศจากการส่งจรวดไปนอกโลกและการศึกษาอนุภาค จักรวาล หลุมดำ ฯลฯ โลกเรายามกลางคืนในวันนี้ก็ยังคงเป็นโลกมืดมิดเช่นเมื่อล้านปีก่อน
โลกวันนี้จะไม่มี พัดลม, เครื่องซักผ้า, ตู้เย็น, นาฬิกา, เครื่องดูดฝุ่น, ปั๊มน้ำ, เครื่องเล่นดีวีดี, เครื่องพิมพ์, โทรทัศน์, ดาวเทียม, คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์ทางการแพทย์, ระบบการสื่อสารทั่วโลก, ระบบ LED ฯลฯ
ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจประดิษฐ์ ทั้งหมดนี้เป็นผลพลอยได้จากการค้นคว้าทดลองที่ ใช้ประโยชน์อะไรได้? ล้วน ๆ !
:::::::::::::::
แต่ละวิชาในโลกดูแตกต่างกัน แต่ทุก ๆ ศาสตร์เชื่อมต่อกัน คณิตศาสตร์เชื่อมกับฟิสิกส์ ชีววิทยาเชื่อมกับเคมี เคมีเชื่อมกับกายวิภาคศาสตร์ ประวัติศาสตร์เชื่อมกับภูมิศาสตร์ ฯลฯ
การรู้เพียงจุดเดียวทำให้โลกทรรศน์ของเราไม่กว้างพอ การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์จำเป็นต้องได้มีความรู้รอบด้าน
ความรู้เป็นตัวขยายสมอง เปิดโลกทรรศน์ เปิดประตูสู่ดินแดนใหม่ๆ เราต้องไม่กลัวก้าวไปสู่พื้นที่ใหม่ พื้นที่ที่ไม่มีใครเคยไปมาก่อน
ปริมาณและคุณภาพของความรู้และปัญญาจะกำหนดว่าเราเป็นมนุษย์แบบไหน วิชาการต่าง ๆ จึงจำเป็นต่อเรา
และแม้ว่าความรู้ที่มีอยู่ในโลกตอนนี้เรียนทั้งชีวิตก็ไม่หมด แต่มันก็ยังน้อยเกินไป! ยังมีความรู้ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้นรอเราอยู่ และความรู้เหล่านั้นอาจเปลี่ยนมนุษยชาติและสรรพชีวิตในโลกในทางที่ดีขึ้น
::::::::::::::::::
ดังนั้นการมองการเรียนด้วยมุมมองเดิม ๆ มุมมองเดียวจึงอาจพลาดโอกาสได้ ประโยค เธออ่านอะไรยากจัง รู้ไปทำไม? เรียนไปทำไม? เหล่านี้ทำลายโอกาสการสร้างนวัตกรรมมามากแล้ว
แน่ละ มันย่อมไม่ใช่ความผิดของคนถาม มันใช้ประโยชน์อะไรได้? และ รู้ไปทำไม?
เพราะความสามารถมองไกลกว่าสิ่งที่โลกมี สิ่งที่โลกเป็น และมองเห็นสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่ในโลกนั้นไม่ง่ายเลย
โดยเฉพาะคนที่ไม่มีความรู้รอบตัวมากพอ ไม่เปิดสมองกว้างพอ และไม่เปิดใจกว้างพอ
::::::::::::::::::
บนโต๊ะทำงานของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ วางรูปถ่ายของบุคคลสามคนที่เป็นไอดอลของเขา ไอแซค นิวตัน, ไมเคิล ฟาราเดย์ และ เจมส์ คลาร์ก แมกซเวลล์
เตือนใจเขาว่าเขากำลังยืนอยู่บนรากฐานของคนรุ่นก่อนซึ่งคิดค้นสิ่งที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์ รอให้เขาสานต่อเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ความรู้ต่อยอดความรู้ คลื่นต่อยอดคลื่น
กระบวนการต่อยอดทางปัญญาหยุดเมื่อไร ไม่เพียงเราจะเดินถอยหลัง แม้แต่มนุษยชาติก็อาจสิ้นสุดไปด้วย
::::::::::::::::::
Credit บทความ : วินทร์ เลียววาริณ | www.winbookclub.com
Credit ภาพประกอบ : http://meghan1311.files.wordpress.com/ /school_subjects_ico
นักวิทยาศาสตร์คนนั้นชื่อ ไมเคิล ฟาราเดย์ เป็นผู้ค้นพบความลับเกี่ยวกับไฟฟ้ามากมายหลายเรื่อง งานของเขาล้ำยุค แต่ดูไม่มีประโยชน์อะไร
ฟาราเดย์ผู้นี้มีชาติกำเนิดต่ำต้อย ฐานะยากจนมาก เขาเรียนไม่จบชั้นประถมเพราะครูเห็นว่าเขาเป็นเด็กทึ่ม
เขาอาจไม่ได้กลายเป็นนักวิทยาศาสตร์หากมิใช่เพระเขาทำงานในร้านทำปกหนังสือ มีโอกาสผ่านตาหนังสือจำนวนมากมาย
เขาอ่านหนังสือทุกเล่มที่ผ่านมืออย่างกระหาย และพบว่าตัวเองรักวิทยาศาสตร์ เขาเรียนเองทุกอย่าง ค้นคว้าทดลองเกี่ยวกับไฟฟ้าแทบทุกอย่างที่จินตนาการของเขาโลดแล่นไปถึง
::::::::::::::::::
โลกต้นศตวรรษที่ 19 รู้จักไฟฟ้าแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างไร งานของฟาราเดย์ก้าวหน้าเกินกาล
เขารู้ว่าเขากำลังก้าวไปสู่พื้นที่ใหม่ที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน แม้ว่าเขาจะสร้างชื่อเสียงในระดับหนึ่ง แต่คนในยุคของเขามองไม่เห็นคุณค่าของงานของเขา เป็นที่มาของคำถามของนายกรัฐมนตรีข้างต้น
ผ่านไปอีกหนึ่งร้อยปี มนุษย์รู้เรื่องเกี่ยวกับไฟฟ้าหมดแล้ว และเริ่มทำความเข้าใจกับอะตอมและอนุภาค โลกเคลื่อนเข้าสู่ยุคอวกาศ แต่คำถามแบบเดิมก็ยังคงอยู่
ทุกครั้งที่มีการส่งจรวดออกนอกโลก มีเสียงคำถามดังขึ้นเสมอว่า ส่งจรวดไปนอกโลกทำไม ในเมื่อประชาชาตินับพันล้านคนอดอยาก มีคนอดตายทุกวัน เอาเงินค่าทดลองจรวดไปช่วยคนพวกนั้นไม่ดีกว่าหรือ?
ทุกครั้งที่นักวิทยาศาสตร์ศึกษาเรื่องอะตอมและอนุภาคชื่อประหลาด ๆ หลายคนบอกว่า แล้วมันใช้ประโยชน์อะไรได้?
::::::::::::::::::
นอกจากเรื่องการค้นคว้าทดลองทางวิทยาศาสตร์แล้ว คนจำนวนมากยังตั้งคำถามเกี่ยวกับการศึกษาวิชาเลขคณิต เราขาคณิต พีชคณิต ตรีโกณมิติ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ปรัชญา ฯลฯ ว่า
เรียนวิชาบ้าพวกนี้ไปทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นต้องใช้
คนส่วนมากเรียนหลายวิชาเหล่านี้ในโรงเรียน แล้วไม่ได้นำไปใช้ประกอบอาชีพในตอนโตแต่อย่างไร
จริงหรือไม่ที่เราเรียนวิชาบ้าพวกนี้ไปทำไมก็ไม่รู้? จำเป็นแค่ไหนที่เราต้องรู้วิชาที่ รู้ไปทำไม?
::::::::::::::::::
บางทีมันขึ้นกับว่าเราอยากเป็นมนุษย์แบบไหน และเราอยากได้สังคมแบบใด
เราเป็นสัตว์โลกที่รู้จักมองไกลไปในอนาคต เราคาดการณ์ปัญหาก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง มันเป็นกระบวนการหนึ่งเพื่อความอยู่รอดของเรา
ยิ่งเรารู้มากเท่าไร โอกาสรอดของสายพันธุ์ก็สูงขึ้นและมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่การจะทำอย่างนี้ได้ เราต้องมีองค์ความรู้ที่กว้างพอ
องค์ความรู้ระดับนี้มาจาก...ความหลากหลายของความคิด
ความหลากหลายของความคิดมาจาก...การรู้รอบด้านและทดลองหาทางสายใหม่
การรู้รอบด้านและทดลองหาทางสายใหม่มาจาก...การวางรากฐานเด็ก ๆ ด้วยการเรียนรู้ทุกวิชาก่อน
ความรู้ไม่ใช่ผลไม้ที่มีอยู่แล้วในป่ารอเราไปเก็บ มันไม่พอที่จะสร้างสังคมที่สมบูรณ์ขึ้น เราต้องการผลไม้ใหม่ ๆ ที่เราต้องค้นหาหรือสร้างขึ้นมาเอง
และหนทางไปสู่ความรู้ใหม่ ๆ ก็คือการทดลองเรื่องประเภท ทำไปทำไม? เช่นที่ ไมเคิล ฟาราเดย์ ทำ
::::::::::::::::::
ในวันนั้นเมื่อนายกรัฐมนตรีอังกฤษถามเขาว่า แล้วมันใช้ประโยชน์อะไรได้? ฟาราเดย์ตอบว่า แล้วทารกแรกเกิดใช้ประโยชน์อะไรได้?
บุคคลสำคัญและผู้สร้างสรรค์สิ่งสำคัญของโลกทุกคนล้วนเป็นทารกไร้ประโยชน์มาก่อนทั้งสิ้น! งานนวัตกรรมทุกชิ้นเป็นทารกแรกเกิด มันอาจโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่สมบูรณ์ หรืออาจตายเสียก่อน เราไม่มีทางรู้จนกว่าจะลองเลี้ยงทารกคนนั้น
ทารกแรกเกิด ที่ดูไร้ประโยชน์ของฟาราเดย์กลายเป็นรากฐานให้ เจมส์ คลาร์ก แมกซเวลล์ สานต่อ แล้วต่อมาเป็นรากฐานให้ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ พัฒนาความคิดของเขา ต่อยอดกลายเป็นการค้นพบอันยิ่งใหญ่แห่งสหัสวรรษ!
::::::::::::::::::
หากปราศจากผลงานที่ ใช้ประโยชน์อะไรได้? ของ ไมเคิล ฟาราเดย์ ในวันนั้น และหากปราศจากการส่งจรวดไปนอกโลกและการศึกษาอนุภาค จักรวาล หลุมดำ ฯลฯ โลกเรายามกลางคืนในวันนี้ก็ยังคงเป็นโลกมืดมิดเช่นเมื่อล้านปีก่อน
โลกวันนี้จะไม่มี พัดลม, เครื่องซักผ้า, ตู้เย็น, นาฬิกา, เครื่องดูดฝุ่น, ปั๊มน้ำ, เครื่องเล่นดีวีดี, เครื่องพิมพ์, โทรทัศน์, ดาวเทียม, คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์ทางการแพทย์, ระบบการสื่อสารทั่วโลก, ระบบ LED ฯลฯ
ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจประดิษฐ์ ทั้งหมดนี้เป็นผลพลอยได้จากการค้นคว้าทดลองที่ ใช้ประโยชน์อะไรได้? ล้วน ๆ !
:::::::::::::::
แต่ละวิชาในโลกดูแตกต่างกัน แต่ทุก ๆ ศาสตร์เชื่อมต่อกัน คณิตศาสตร์เชื่อมกับฟิสิกส์ ชีววิทยาเชื่อมกับเคมี เคมีเชื่อมกับกายวิภาคศาสตร์ ประวัติศาสตร์เชื่อมกับภูมิศาสตร์ ฯลฯ
การรู้เพียงจุดเดียวทำให้โลกทรรศน์ของเราไม่กว้างพอ การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์จำเป็นต้องได้มีความรู้รอบด้าน
ความรู้เป็นตัวขยายสมอง เปิดโลกทรรศน์ เปิดประตูสู่ดินแดนใหม่ๆ เราต้องไม่กลัวก้าวไปสู่พื้นที่ใหม่ พื้นที่ที่ไม่มีใครเคยไปมาก่อน
ปริมาณและคุณภาพของความรู้และปัญญาจะกำหนดว่าเราเป็นมนุษย์แบบไหน วิชาการต่าง ๆ จึงจำเป็นต่อเรา
และแม้ว่าความรู้ที่มีอยู่ในโลกตอนนี้เรียนทั้งชีวิตก็ไม่หมด แต่มันก็ยังน้อยเกินไป! ยังมีความรู้ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้นรอเราอยู่ และความรู้เหล่านั้นอาจเปลี่ยนมนุษยชาติและสรรพชีวิตในโลกในทางที่ดีขึ้น
::::::::::::::::::
ดังนั้นการมองการเรียนด้วยมุมมองเดิม ๆ มุมมองเดียวจึงอาจพลาดโอกาสได้ ประโยค เธออ่านอะไรยากจัง รู้ไปทำไม? เรียนไปทำไม? เหล่านี้ทำลายโอกาสการสร้างนวัตกรรมมามากแล้ว
แน่ละ มันย่อมไม่ใช่ความผิดของคนถาม มันใช้ประโยชน์อะไรได้? และ รู้ไปทำไม?
เพราะความสามารถมองไกลกว่าสิ่งที่โลกมี สิ่งที่โลกเป็น และมองเห็นสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่ในโลกนั้นไม่ง่ายเลย
โดยเฉพาะคนที่ไม่มีความรู้รอบตัวมากพอ ไม่เปิดสมองกว้างพอ และไม่เปิดใจกว้างพอ
::::::::::::::::::
บนโต๊ะทำงานของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ วางรูปถ่ายของบุคคลสามคนที่เป็นไอดอลของเขา ไอแซค นิวตัน, ไมเคิล ฟาราเดย์ และ เจมส์ คลาร์ก แมกซเวลล์
เตือนใจเขาว่าเขากำลังยืนอยู่บนรากฐานของคนรุ่นก่อนซึ่งคิดค้นสิ่งที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์ รอให้เขาสานต่อเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ความรู้ต่อยอดความรู้ คลื่นต่อยอดคลื่น
กระบวนการต่อยอดทางปัญญาหยุดเมื่อไร ไม่เพียงเราจะเดินถอยหลัง แม้แต่มนุษยชาติก็อาจสิ้นสุดไปด้วย
::::::::::::::::::
Credit บทความ : วินทร์ เลียววาริณ | www.winbookclub.com
Credit ภาพประกอบ : http://meghan1311.files.wordpress.com/ /school_subjects_ico