manglove
23rd September 2015, 13:58
AMD ลั่น Zen จะแรงตามที่หวังเอาไว้แน่นอน !
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/AMD-Zen-Summit-Ridge.jpg (http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/AMD-Zen-Summit-Ridge.jpg)
AMD ช่วงนี้อาจจะมีข่าวที่ทำให้แฟนๆของตนเองต้องวิตกกังวลกันพอสมควร ก่อนหน้านี้ก็เรื่องการแยกการบริหารระหว่าง CPU และ GPU ออกจากกัน (http://www.zolkorn.com/news/amd-seperate-cpu-and-gpu-bussiness-under-radeon-technologies-group/)ในชื่อ
Radeon Technologies Group และล่าสุดก็ข่าวการลาออกของวิศวกรผู้ออกแบบซีพียูในระดับตำนาน (http://www.zolkorn.com/news/amd-cpu-architect-left-amd/) ที่เคยฝากผลงานขั้นเทพอย่าง K7, K8 ที่เลื่องลือมาแล้วสำหรับ Jim Keller
และเขาผู้นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของผู้อยู่เบื้องหลังของการพัฒนา CPU ตระกูลใหม่ที่พวกเราทั้งหลายตั้งตารอกันอยู่ที่ใช้ชื่อว่า Zen และสำหรับ AMD Zen นั้นหนึ่งในวิศวกรผู้ร่วมพัฒนาที่
ชื่อว่า Suzanne Plumme ได้ออกมายืนยันเพื่อให้แฟนๆมั่นใจได้ว่า Zen จะมีความแรงตามที่เคยกล่าวไว้แน่นอน ด้วยคำกล่าวที่ว่า
มันถือเป็น ครั้งแรกที่พวกเรากลุ่มวิศวกรได้ทำอะไรอย่างอิสระในช่วงระยะเวลาที่ยาวนาน มากสำหรับการออกแบบและพัฒนา CPU ขึ้นมา และเราก็สามารถทำออกมาได้อย่างดีที่สุด
มันเป็นโปรเจคที่เราใช้เวลากันมาหลายปี กับทีมที่มีขนาดใหญ่ร่วมกันทำงาน มันเหมือนกับการที่เราพยายามเร่งตัวเองในการแข่งวิ่งมาราธอนในช่วงกลางการ แข่งขัน ทีมของพวกเราทำงานกันอย่างหนัก
และเราก็ได้รับความสำเร็จ ฉันขอยืนยันว่ามัน(Zen)จะสามารถมอบประสิทธิภาพที่ยิ่งใหญ่ที่มีความแตกต่าง เป็นอย่างมากจากซีพียูในยุคปัจจุบัน(Excavator)รวมทั้งระดับการใช้พลังงาน
ที่จะลดต่ำลงไปอย่างชัดเจนเช่นกัน
ถ้าหากว่าสิ่งที่ Suzanne Plumme เป็นความจริง และสเกลของ AMD Zen นั้นแรงขึ้นจากซีพียูในยุคปัจจุบันในระดับ 40% ตามที่ทาง AMD เคยกล่าวเอาไว้นั้น
มันจะนับได้ว่าเป็นจุดที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะความแรงที่เพิ่มขึ้นมาในขนาดนี้ มันจะถือเป็นก้าวกระโดดที่เราน่าจะได้เห็นความแรงของ Zen อยู่ในระดับที่เทียบเท่ากับ Haswell
จากทาง Intel ได้เลยทีเดียว ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่เทียบเท่า Skylake แต่กระนั้นมันก็น่าจะเป็นการกลับมาไล่ล่าหรือไล่เบียดกันในระยะที่ใกล้ขึ้น สามารถใช้ราคาเป็นตัวจูงใจเพื่อ
ให้ AMD กลับเข้าสู่สังเวียนได้อีกครั้ง ซึ่งงานนี้ก็ต้องรอดูกัน แต่ทว่าก็ยังต้องรอกันอีกนานพอสมควรเพราะเรายังต้องรอกันจนสิ้นปีหน้าโน่น เลย
อย่างไรแล้วแฟนๆพันธ์แท้ทั้งหลายก็ต้องอดทนกันอีกสักหน่อยละกันนะครับ
http://i687.photobucket.com/albums/vv237/4-one/4-Ln/57-aLp.png (http://international.download.nvidia.com/Windows/355.80/355.80-notebook-win10-32bit-international.hf.exe)
AMD วางแผนปล่อย R9 FURY X2 ในช่วงสิ้นปีนี้
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/Radeon-R9-Fury-X2.jpg (http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/Radeon-R9-Fury-X2.jpg)
เหลือ เวลาอีกเพียงไม่นานก็ใกล้จะสิ้นปีกันอีกแล้วซินะ และหากใครที่ยังพอจดจำกันได้กับการ์ดจอตัวใหม่จากฝั่ง AMD ในตระกูล FURY หรือการ์ดจอที่ใช้ชิบกราฟิกในรหัส Fiji
นั้นมันจะมีออกมาทั้งหมด 4 โมเดลด้วยกัน และในเวลานี้ทาง AMD ก็ปล่อยลงสู่ตลาดอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยจำนวนสามโมเดลคือ R9 FURY X, R9 FURY และ R9 Nano
ดังนั้นก็จะยังคงเหลืออยู่อีกหนึ่งโมเดลที่ยังไม่มาสำหรับ R9 FURY X2 (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ เพราะทาง AMD ยังไม่ได้มีการประกาศชื่อจริงๆออกมาแต่อย่างใด)
สำหรับการ์ดในแบบ Dual GPU บน PCB เดียวกันนั่นเอง
หากกล่าวถึง R9 FURY X2 นั้นทาง AMD ได้เคยกล่าวเอาไว้ในช่วงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาในงานแถลงข่าวเปิดตัว FURY X ว่า FURY X2 (http://www.zolkorn.com/news/radeon-r9-fury-x2/)
ได้วางแผนเอาไว้ว่าจะปล่อยภายในสิ้นปีนี้หรือในช่วงไตรมาสสี่ของปี และหากนับจากวันนี้ไปก็เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นที่จะย่างเข้า สู่ไตรมาสสี่แล้ว
และหากว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ก็คาดกันว่าเราน่าจะได้เห็น R9 FURY X2 ในเร็ววันนี้ ซึ่งจากข่าวล่าสุดที่ออกมานั้นมีการกล่าวว่าดูเหมือนทาง AMD กำลังเตรียมตัวที่จะปล่อย FURY X2
ในช่วงวันหยุดหรือช่วงใกล้ปีใหม่นี้นั่นเอง เพราะช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาของการจับจ่ายสำหรับชาติตะวันตก และหากมองกันถึงความเป็นไปได้สำหรับ R9 FURY X2
ก้คงไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไรเพราะมันก็เป็นแค่เพียงการ์ดในลักษณะที่ เสมือนกับ FURY X จำนวนสองตัวมารวมกัน และก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องถนัดของทาง AMD อยู่แล้วด้วย
ดังนั้นจึงค่อนข้างมีความเป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็น R9 FURY X2 ในช่วงสิ้นปีนี้ แต่จะมาขายในจำนวนที่เพียงพอหรือเปล่านั้น คงต้องรอดูกันต่อไป
สำหรับในเรื่องของความแรงนั้นคงไม่ต้องสงสัยอะไร มาก เพราะหากย้อนกลับไปมองกันถึงอดีตของ AMD กับการปล่อยการ์ดในแบบ Dual GPU
ที่ผ่านๆมาในทุกๆครั้งมันก็จะนับได้ว่าเป็นการ์ดใบเดียวที่แรงที่สุดในโลก เสมอ ด้วยสเกลของประสิทธิภาพที่ทำได้ดีของเทคโนโลยี CrossfireX จากทาง AMD
ดังนั้นจึงไม่น่าจะแปลกที่ R9 FURY X2 จะกลายเป็นการ์ดที่แรงที่สุดในโลกอีกครั้ง โดยทางด้านสเป็คหรือข้อมูลล่าสุดที่ทราบมันจะมาพร้อมกับชิบ Fiji XT ที่ไม่มีการตัดทอนใดๆ
จะมาพร้อมกับขนาดของ Shader Engine ในจำนวน 4096unit ต่อ GPU แต่อาจจะมีการปรับลดความเร็วการทำงานของ GPU หรือระบบควบคุมความเร็ว GPU ใหม่เพื่อลดอัตราการใช้พลังงานลง
ซึ่งบางทีมันอาจจะมาในคราบของ R9 Nano X2 ก็เป็นได้ ส่วนแรมก็แน่นอนว่าตัวการ์ดจะมาพร้อมกับ HBM ที่มีความจุแรมรวมทั้งหมด 8GB หรือ 4GB ต่อ GPU ตามสเป็คของ FURY Series
ดังนั้นสิ่งที่เหลือให้ลุ้นกันในเวลานี้ก็คือ หน้าตาของตัวการ์ดมันจะออกมาในลักษณะใด จะใช้ระบบระบายความร้อนในประเภทไหน จะใช้ Water Cooling
เช่นเดียวกันกับ FURY X หรือ Air Cooling ในแบบ Nano รวมทั้งอัตราการบริโภคพลังงานว่าจะมากน้อยสักเพียงไร และที่สำคัญที่สุดราคาค่างวดมันจะออกมาที่ตัวเลขอะไร
เพราะถ้าหากประเมินจาก R9 FURY X จำนวนสองตัวมันก้จะมีราคาในช่วงประมาณ $1300US หรือราว 45000 บาท ก็คงต้องรอลุ้นกันต่อไป
http://i687.photobucket.com/albums/vv237/4-one/4-Ln/57-aLp.png
(http://international.download.nvidia.com/Windows/355.80/355.80-notebook-win10-32bit-international.hf.exe)
สถาปนิกในระดับตำนานของ CPU AMD ลาออกจาก AMD แล้วแต่ Zen จะยังคงเดินหน้าต่อไป
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/Jim-Keller-AMD.jpg (http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/Jim-Keller-AMD.jpg)
Jim Keller - ขวามือสุดจากในภาพ
ดู เหมือนว่าในช่วงเวลานี้จะมีแต่ข่าวคราวที่ไม่ค่อยสู้ดีนักสำหรับแฟนๆฝั่ง AMD โดยเฉพาะกับตลาดในส่วนของ CPU ซึ่งจากความเคลื่อนไหวต่างๆของทาง AMD
ในช่วงรอบเดือนที่ผ่านมานั้น ก็เคยมีข่าวที่สร้างความแปลกใจให้กับแฟนๆมาบ้างแล้วครั้งหนึ่ง กับการแยกระบบบริหารของทาง AMD ระหว่าง CPU และ GPU ออกจากกัน
ในลักษณะที่เป็นแผนกแยกต่างหากสำหรับ GPU ภายใต้ชื่อ Radeon Technologies Group (http://www.zolkorn.com/news/amd-seperate-cpu-and-gpu-bussiness-under-radeon-technologies-group/) ซึ่งจากข่าวที่ออกมานั้น มีการคาดการณ์กันว่าน่าจะแบ่งกระเป๋ากันบริหารด้วยเช่นกัน
เพียงแค่จะยังคงอยุ่ภายใต้หลังคาเดียวกันในนามของ AMD เท่านั้น
ล่า สุดก็มีข่าวที่อาจจะกล่าวได้ว่าสร้างความสั่นคลอนให้กับ AMD อีกครั้งในส่วนของฝั่ง CPU เพราะในเวลานี้หากใครที่เป็นแฟนๆตัวยงของ AMD ต่างก็คงเฝ้ารอการมาของ CPU
ในเจเนเรชันใหม่ที่จะใช้ชื่อว่า AMD Zen microarchitecture ที่กำลังจะเปิดตัวออกมาในช่วงปีหน้านี้ ทว่าในเวลานี้หนึ่งในทีมผู้ออกแบบหรือสถาปนิกในการออกแบบตัวชิบนั้น
ได้ลาออกไปจาก AMD แล้วสำหรับ Jim Keller สำหรับหัวหน้าทีมในการออกแบบ CPU ที่เคยฝากผลงานอันโดดเด่นอย่าง AMD Athlon K7, AMD K8 ในช่วงปี 1998 ที่ผ่านมา
และได้เคยออกไปร่วมงานกับทาง Apple และถือเป็นหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Apple A4/A5 SOC ในปี 2008 ก่อนที่จะย้ายกลับมาร่วมงานกับ AMD อีกครั้งในปี 2012
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/AMD-40-IPC-Zen.jpg
หาก พูดถึงประวัติของ Jim Keller ในช่วงที่มีการย้ายกลับมาทำงานร่วมกับทาง AMD อีกครั้งในปี 2012 นั้น
เขาก็ทำหน้าที่รับผิดชอบในโปรเจค AMDs next generation x86 microarchitecture
ซึ่งก็คือเจ้า Zen ที่เรากำลังรอคอยกันอยู่ในเวลานี้นั่นเอง และจากข่าวการลาออกของ Jim Keller นั้นก็แน่นอนว่าสร้างความวิตกให้กับบรรดาสาวก AMD ทั่วโลกไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยเฉพาะสำหรับใครที่เคยเป็นเจ้าของ CPU ในตระกูล K7, K8 นั้นคงจะทราบดีว่า CPU ภายใต้ผลงานของบุรุษท่านนี้มันทรงพลังขนาดไหน แต่ทว่าทาง AMD เองก็กล่าวว่า
การลาออกของ Jim Keller นั้นจะไม่มีผลกระทับใดๆต่อซีพียูในตระกูล Zen เพราะในเวลานี้ Zen microarchitecture ได้มีการออกแบบทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว
และทุกอย่างจะยังคงเดินหน้าต่อไปตามแผนและกำหนดเวลาที่วางเอาไว้ AMD พร้อมที่จะส่งชิบเพื่อแสดงความสามารถหรือโชว์พลังได้ในช่วงปลายปี 2016
นี้อย่างแน่นอนและมันจะสามารถลุยตลาดอย่างเต็มตัวได้ในปี 2017
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/AMD-Roadmap-2016-FX.jpg
สำหรับ ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับ AMD Zen นั้นในเวลานี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยอะไรที่ชัดเจนมากนักเกี่ยวกับโครงสร้าง ต่างๆ ข้อมูลที่มีอยู่ก็จะยังคงเป็นข้อมูลที่เคยมีออกมาก่อนหน้านี้
โดยคร่าวที่ชัดเจนเท่าที่ทราบก็คือ มันจะเป็นซีพียูที่ทาง AMD กล่าวได้ว่ามันคือยุคปฏิวัติของ CPU จากทาง AMD ที่มีการออกแบบและพัฒนาใหม่ทั้งหมด เป็นซีพียูในแบบ Multi Core
และมาพร้อมกับ SMT หรือการทำงานที่คล้ายๆกับ HT หรือ Hyperthreading จากฝั่ง Intel มาบนแพลทฟอร์มใหม่ที่ชื่อว่า AM4 ทำงานร่วมกับแรมในแบบ Dual Channel DDR4 และทาง AMD
ก็เคลมว่า CPU ในตระกูล FX Zen นั้นจะมีความแรงเพิ่มขึ้นจาก CPU ในยุคปัจจุบันอย่าง AMD Excavator มากถึง 40% และจะขยับเพิ่มสูงขึ้นอีกราว 5-10% สำหรับ Zen+
ZoLKoRn Say : ไม่รู้ว่าแฟนๆ AMD ที่ได้อ่านข่าวนี้กันแล้วจะมีความรู้สึกอย่างไรกันบ้าง ? ซึ่งบางส่วนนั้นผมว่าคงมีบ้างแหละที่น่าจะเริ่มไม่มั่นใจในอนาคตของ AMD
เพราะเมื่อดูจากข่าวคราวต่างๆของทาง AMD ที่ออกมาในเวลานี้มีแต่ข่าวที่ไม่สู้ดีนัก และโดยเฉพาะกับเรื่องของ CPU ด้วยแล้วนั้นยิ่งทำให้น่าสนใจและน่าติดตามมากเลยละครับ
เพราะทาง AMD ประสบปัญหากับตลาดของ CPU มาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็มามีความหวังกับ Zen แต่ล้วอยู่ๆหัวหน้าทีมในระดับตำนานอย่าง Jim Keller
ผู้ที่รับหน้าที่ออกแบบหรือดูแลโครงการนี้โดยตรงก็มาลาออกไปจาก AMD ในช่วงเวลานี้อีก ส่วนเหตุผลของการลาออกที่แน่ชัดนั้นยังไม่มีการกล่าวถึง
มีเพียงการคาดเดาว่าอาจจะเป็นเพราะสภาพทางการเงินของทาง AMD หรือเปล่า หรือว่าทาง Jim Keller เองอาจจะต้องการออกไปหาประสบการณ์หรือความท้าทายใหม่ๆ
งานนี้เราคงต้องรอดูกันยาวๆต่อไปว่าสรุปแล้ว AMD Zen มันจะออกมาในรูปใด หากว่าเป็นไปตามแผนที่ทางไว้และแรงขึ้นราว 40% จริงๆ ตลาด CPU ไม่ว่าจะเป็น AMD
เองหรือตลาดโดยรวมของวงการ DIY น่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งอย่างแน่นอน
http://i687.photobucket.com/albums/vv237/4-one/4-Ln/57-aLp.png
(http://international.download.nvidia.com/Windows/355.80/355.80-notebook-win10-32bit-international.hf.exe)
ระวัง Western Digital ตัด WD Green ออกจากระบบ เหลือแค่ Blue แต่ควรพิจารณาให้ดีก่อนซื้อ !!!
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/Western-Digital-Caviar-Blue.jpg (http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/Western-Digital-Caviar-Blue.jpg)
สำหรับ เนื้อข่าวจากต้นฉบับหากอ่านแบบผ่านๆและไม่อ่านให้จบ อาจจะทำให้ใครที่กำลังจะซื้อหรือคิดจะซื้อ Hard Disk หรือ HDD จากค่าย Western Digital
อาจจะมีน้ำตาตกในได้ ซึ่งจากประเด็นหลักของข่าวนั้น แม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องของการปรับเปลี่ยนการแบ่งรุ่นย่อยตัว HDD จากทาง WD
จากที่เวลานี้มันค่อนข้างสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้งานมากพอสมควร เพราะมีสีให้เลือกมากถึง 5 สีเลยทีเดียว โดยแต่ละสีนั้นมันจะมีความแตกต่างออกไปขึ้นกับลักษณะการใช้งาน
โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/wd-color.jpg
WD Black (สีดำ) สำหรับผู้ที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด หรือเร็วแรงเป็นที่ตั้ง
WD Blue (สีนำเงิน) สำหรับกลุ่มตลาดผู้ใช้งานทั่วไป มีความแรงรองจากสีดำเล็กน้อย ราคาประหยัดกว่า
WD Red (สีแดง) สำหรับใช้งานร่วมกับ NAS
WD Purple (สีม่วง) สำหรับการใช้งานเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยหรือกล้องวงจรปิด
WD Green (สีเขียว) สำหรับผู้ที่ต้องการเน้นในด้านการประหยัดพลังงาน และมีความแรงพอๆกับ Blue
ทว่า จากความสับสนของกลุ่มผู้ใช้งานระหว่าง Blue และ Green ที่มันจะมีข้อมูลแจ้งไว้ว่า จะมีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน โดยที่เขียวจะเหนือกว่าในด้านการประหยัดพลังงาน
โดยมันจะมีการทำงานที่ออกแบบมาให้จานแม่เหล็กมีรอบการทำงานที่สูงต่ำแตกต่าง กันได้ โดยจะมีรอบการทำงานในช่วง 5400rpm ไปจนถึง 7200rpm แต่ในการทำงานจริงนั้น
โดยมากจะพบว่า WD Green จะมีรอบการทำงานในช่วงสูงสุดเพียง 5600rpm เท่านั้น จึงทำให้ประสิทธิภาพที่ออกมาต่ำลงไปมากๆ ในขณะที่ราคากลับใกล้เคียงกับ WD Blue เป็นอย่างมาก
ที่สุดแล้วทาง Western Digital ก็ได้ตัดสินใจยกเลิกการใช้สีเขียวหรือโมเดลสีเขียวออกไปจากตลาด ซึ่งจะเหลือเพียง 4 สีเท่านั้นคือ ดำ น้ำเงิน แดง และ ม่วง แต่กระนั้นสำหรับ HDD
ที่เคยผลิตเอาไว้ก่อนแล้วในโมเดล WD Green มันจะถูกนำมาขายรวมกับ WD Blue หรือพูดง่ายๆว่าเปลี่ยนฉลากจากเขียวให้เป็นน้ำเงินแทน ดังนั้นในช่วงเวลานี้
สำหรับใครที่กำลังเล็งๆหรือมีแผนที่จะซื้อ HDD ในรุ่น WD Blue จากค่าย Western Digital ก็ต้องระวังหรือหาข้อมูลก่อนสักนิด สำหรับข้อมูลจำเพาะของตัว HDD ว่าระหว่าง WD Blue
ของจริงกับ WD Green นั้นมันมีอะไรแตกต่างกันบ้าง เพื่อให้แน่ใจว่า HDD ที่เรากำลังจะซื้อนั้นมันคือ WD Blue แท้ๆไม่ใช่ WD Green จำแลงมา ซึ่งกว่าที่ WD Green
ที่เคยมีอยู่หรือผลิตเอาไว้แล้วจะหมดไปจากตลาดจริงๆก็คงต้องใช้เวลาอีกสัก พักใหญ่ๆ
ZoLKoRn Say : อย่างไรแล้วก็ระมัดระวังกันสักหน่อยละกันนะครับ ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่มีความแน่ชัดว่าทาง Western Digital ได้มีการปรับเปลี่ยนมานานหรือยัง
ทว่าจากแหล่งข่าวต้นฉบับดั้งเดิม (http://pc.watch.impress.co.jp/docs/news/20150918_721860.html)ได้มีการพูดถึงวิธีสังเกตเอาไว้ว่า ให้สังเกตจากรหัสโมเดลเช่น WD60EZRX จะเป็นรหัสปรกติของ WD Green ส่วนหากเป็นรหัสโมเดลของ WD Blue
นั้นตัวอักษรสุดท้ายจะมากกว่า WD Green โดย WD Blue จะใช้รหัส WD60EZRZ ดังนั้นก็อย่าลืมสังเกตกันก่อนจะซื้อด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะได้ Blue
เวอร์ชันอืดๆมาใช้งานก็ได้เพราะแท้จริงแล้วมันคือ Green ที่เปลี่ยนสีฉลากเป็นสี Blue เท่านั้นเอง
http://i687.photobucket.com/albums/vv237/4-one/4-Ln/57-aLp.png (http://international.download.nvidia.com/Windows/355.80/355.80-notebook-win10-32bit-international.hf.exe)
รัฐบาลอินเดียเผย เตรียมใช้ระบบปฏิบัติการ(OS)ของตนเองที่ชื่อว่า BOSS
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/boss-OS.jpg (http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/boss-OS.jpg)
Windows, Linux, Mac ชื่อเหล่านี้เราน่าจะเป็นที่คุ้นเคยกันไม่น้อย โดยเฉพาะกับ Windows จากทาง Microsoft ที่ใครๆก็ต้องรู้จัก
ต้องเคยลองเล่น ลองสัมผัส และคิดว่ากว่า 90% ก็ใช้งานกันอยู่ เพราะมันแทบจะเป็นระบบปฏิบัติการหรือ OS หลักของพวกเราชาว PC นั่นเอง และด้วยความที่มันเป็นที่นิยมใช้งาน
มันก้เป็นที่หมายปองของเหล่าบรรดาแฮ็คเกอร์ทั้งหลายด้วยเช่นกัน ที่ถึงแม้ว่าจะมีระบบป้องกันที่ดีเพียงไร มีซอร์ฟแวร์ช่วยเหลือที่ดีเพียงไร มันก็ยังหนีไม่พ้นเงื้อมมือแฮ็คเกอร์ไปได้
เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ทางรัฐบาลอินเดียจึงมีความคิดที่จะเปลี่ยนการใช้ระบบปฏิบัติการที่เขียนขึ้น เองมาใช้งาน ซึ่งล่าสุดก็ออกมาเผยข้อมูลว่ามันพร้อมที่จะใช้งานได้จริงแล้วสำหรับระบบ
ปฏิบัติการที่เรียกมันว่า Bharat Operating System หรือ BOSS โดยมันถูกสร้างหรือออกแบบโดย ศูนย์เพื่อการพัฒนาของคอมพิวเตอร์ ขั้นสูงของประเทศอินเดีย
และมันก็สามารถผ่านการทดสอบโหดในเรื่องของความผิดพลาดต่างๆได้แล้ว ซึ่งคาดกันว่ามันจะถูกนำไปใช้งานในองค์กรภาครัฐเร็วๆนี้ สำหรับ BOSS
ในเวอร์ชันล่าสุดนี้นั้นทางฝ่ายพัฒนายังได้กล่าวอีกด้วยว่า
เรา ไม่ได้มีปัญหาขาดแคลนนักพัฒนาซอร์ฟแวร์ที่นี่ มันดีขึ้นมากหากเปรียบเทียบกับเวอร์ชันพัฒนาในปี 2007 ที่ผ่านมา มันทำงานง่ายขึ้น เรียรู้ได้อย่างรวดเร็ว
และสำหรับในเวลานี้มันอาจจะยังไม่มีลูกเล่นอะไรมากนัก แต่เราก็จะขอความช่วยเหลือจากผู้พัฒนาซอร์ฟแวร์ที่ชื่อว่า biggies ให้เข้ามาช่วยกันปรับปรุงในอนาคต
ZoLKoRn Say : นับเป็นอีกมุมหนึ่งที่มีความน่าสนใจมากเลยทีเดียวสำหรับวงการ OS หรือระบบปฏิบัติการ และยิ่งมันมาจากฝั่งอินเดีย
ชาติที่เราน่าจะทราบกันว่าเป็นชาติที่เก่งในเรื่องของซอร์ฟแวร์เป็นอย่างมาก อาจจะกล่าวได้ว่าอันดับหนึ่งของโลกก็ว่าได้
เพราะเมื่อเรามองไปยังบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆในวงการไอทีไม่ว่าจะซอร์ฟแวร์ หรือฮาร์ดแวร์ล้วนแล้วจะต้องมีคนที่งานที่เป็นคนอินเดียรวมอยู่ด้วยเสมอ
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่อินเดียกำลังจะมี OS เป็นของตนเอง เพราะขนาดส่งจรวดออกนอกโลกก็ทำได้มาแล้ว ดังนั้นในอนาคตเราอาจจะได้เห็น OS ตัวใหม่ๆ
หรือมีทางเลือกให้ผู้บริโภคอย่างเราๆได้เลือกใช้งาน แต่ที่สำคัญสำหรับคอเกมเลยก็คือ มันต้องเล่นเกมได้ด้วยนะ ใช่มั๊ยละครับ ?
http://i687.photobucket.com/albums/vv237/4-one/4-Ln/57-aLp.png
(http://international.download.nvidia.com/Windows/355.80/355.80-notebook-win10-32bit-international.hf.exe)
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเวป (http://zolkornpull-1a42.kxcdn.com/wp-content/uploads/2015/08/15b.jpg?iv=12)www.itfree4u.com (https://www.itfree4u.com/)
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/AMD-Zen-Summit-Ridge.jpg (http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/AMD-Zen-Summit-Ridge.jpg)
AMD ช่วงนี้อาจจะมีข่าวที่ทำให้แฟนๆของตนเองต้องวิตกกังวลกันพอสมควร ก่อนหน้านี้ก็เรื่องการแยกการบริหารระหว่าง CPU และ GPU ออกจากกัน (http://www.zolkorn.com/news/amd-seperate-cpu-and-gpu-bussiness-under-radeon-technologies-group/)ในชื่อ
Radeon Technologies Group และล่าสุดก็ข่าวการลาออกของวิศวกรผู้ออกแบบซีพียูในระดับตำนาน (http://www.zolkorn.com/news/amd-cpu-architect-left-amd/) ที่เคยฝากผลงานขั้นเทพอย่าง K7, K8 ที่เลื่องลือมาแล้วสำหรับ Jim Keller
และเขาผู้นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของผู้อยู่เบื้องหลังของการพัฒนา CPU ตระกูลใหม่ที่พวกเราทั้งหลายตั้งตารอกันอยู่ที่ใช้ชื่อว่า Zen และสำหรับ AMD Zen นั้นหนึ่งในวิศวกรผู้ร่วมพัฒนาที่
ชื่อว่า Suzanne Plumme ได้ออกมายืนยันเพื่อให้แฟนๆมั่นใจได้ว่า Zen จะมีความแรงตามที่เคยกล่าวไว้แน่นอน ด้วยคำกล่าวที่ว่า
มันถือเป็น ครั้งแรกที่พวกเรากลุ่มวิศวกรได้ทำอะไรอย่างอิสระในช่วงระยะเวลาที่ยาวนาน มากสำหรับการออกแบบและพัฒนา CPU ขึ้นมา และเราก็สามารถทำออกมาได้อย่างดีที่สุด
มันเป็นโปรเจคที่เราใช้เวลากันมาหลายปี กับทีมที่มีขนาดใหญ่ร่วมกันทำงาน มันเหมือนกับการที่เราพยายามเร่งตัวเองในการแข่งวิ่งมาราธอนในช่วงกลางการ แข่งขัน ทีมของพวกเราทำงานกันอย่างหนัก
และเราก็ได้รับความสำเร็จ ฉันขอยืนยันว่ามัน(Zen)จะสามารถมอบประสิทธิภาพที่ยิ่งใหญ่ที่มีความแตกต่าง เป็นอย่างมากจากซีพียูในยุคปัจจุบัน(Excavator)รวมทั้งระดับการใช้พลังงาน
ที่จะลดต่ำลงไปอย่างชัดเจนเช่นกัน
ถ้าหากว่าสิ่งที่ Suzanne Plumme เป็นความจริง และสเกลของ AMD Zen นั้นแรงขึ้นจากซีพียูในยุคปัจจุบันในระดับ 40% ตามที่ทาง AMD เคยกล่าวเอาไว้นั้น
มันจะนับได้ว่าเป็นจุดที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะความแรงที่เพิ่มขึ้นมาในขนาดนี้ มันจะถือเป็นก้าวกระโดดที่เราน่าจะได้เห็นความแรงของ Zen อยู่ในระดับที่เทียบเท่ากับ Haswell
จากทาง Intel ได้เลยทีเดียว ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่เทียบเท่า Skylake แต่กระนั้นมันก็น่าจะเป็นการกลับมาไล่ล่าหรือไล่เบียดกันในระยะที่ใกล้ขึ้น สามารถใช้ราคาเป็นตัวจูงใจเพื่อ
ให้ AMD กลับเข้าสู่สังเวียนได้อีกครั้ง ซึ่งงานนี้ก็ต้องรอดูกัน แต่ทว่าก็ยังต้องรอกันอีกนานพอสมควรเพราะเรายังต้องรอกันจนสิ้นปีหน้าโน่น เลย
อย่างไรแล้วแฟนๆพันธ์แท้ทั้งหลายก็ต้องอดทนกันอีกสักหน่อยละกันนะครับ
http://i687.photobucket.com/albums/vv237/4-one/4-Ln/57-aLp.png (http://international.download.nvidia.com/Windows/355.80/355.80-notebook-win10-32bit-international.hf.exe)
AMD วางแผนปล่อย R9 FURY X2 ในช่วงสิ้นปีนี้
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/Radeon-R9-Fury-X2.jpg (http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/Radeon-R9-Fury-X2.jpg)
เหลือ เวลาอีกเพียงไม่นานก็ใกล้จะสิ้นปีกันอีกแล้วซินะ และหากใครที่ยังพอจดจำกันได้กับการ์ดจอตัวใหม่จากฝั่ง AMD ในตระกูล FURY หรือการ์ดจอที่ใช้ชิบกราฟิกในรหัส Fiji
นั้นมันจะมีออกมาทั้งหมด 4 โมเดลด้วยกัน และในเวลานี้ทาง AMD ก็ปล่อยลงสู่ตลาดอย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยจำนวนสามโมเดลคือ R9 FURY X, R9 FURY และ R9 Nano
ดังนั้นก็จะยังคงเหลืออยู่อีกหนึ่งโมเดลที่ยังไม่มาสำหรับ R9 FURY X2 (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ เพราะทาง AMD ยังไม่ได้มีการประกาศชื่อจริงๆออกมาแต่อย่างใด)
สำหรับการ์ดในแบบ Dual GPU บน PCB เดียวกันนั่นเอง
หากกล่าวถึง R9 FURY X2 นั้นทาง AMD ได้เคยกล่าวเอาไว้ในช่วงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมาในงานแถลงข่าวเปิดตัว FURY X ว่า FURY X2 (http://www.zolkorn.com/news/radeon-r9-fury-x2/)
ได้วางแผนเอาไว้ว่าจะปล่อยภายในสิ้นปีนี้หรือในช่วงไตรมาสสี่ของปี และหากนับจากวันนี้ไปก็เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นที่จะย่างเข้า สู่ไตรมาสสี่แล้ว
และหากว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ก็คาดกันว่าเราน่าจะได้เห็น R9 FURY X2 ในเร็ววันนี้ ซึ่งจากข่าวล่าสุดที่ออกมานั้นมีการกล่าวว่าดูเหมือนทาง AMD กำลังเตรียมตัวที่จะปล่อย FURY X2
ในช่วงวันหยุดหรือช่วงใกล้ปีใหม่นี้นั่นเอง เพราะช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาของการจับจ่ายสำหรับชาติตะวันตก และหากมองกันถึงความเป็นไปได้สำหรับ R9 FURY X2
ก้คงไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไรเพราะมันก็เป็นแค่เพียงการ์ดในลักษณะที่ เสมือนกับ FURY X จำนวนสองตัวมารวมกัน และก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องถนัดของทาง AMD อยู่แล้วด้วย
ดังนั้นจึงค่อนข้างมีความเป็นไปได้ว่าเราจะได้เห็น R9 FURY X2 ในช่วงสิ้นปีนี้ แต่จะมาขายในจำนวนที่เพียงพอหรือเปล่านั้น คงต้องรอดูกันต่อไป
สำหรับในเรื่องของความแรงนั้นคงไม่ต้องสงสัยอะไร มาก เพราะหากย้อนกลับไปมองกันถึงอดีตของ AMD กับการปล่อยการ์ดในแบบ Dual GPU
ที่ผ่านๆมาในทุกๆครั้งมันก็จะนับได้ว่าเป็นการ์ดใบเดียวที่แรงที่สุดในโลก เสมอ ด้วยสเกลของประสิทธิภาพที่ทำได้ดีของเทคโนโลยี CrossfireX จากทาง AMD
ดังนั้นจึงไม่น่าจะแปลกที่ R9 FURY X2 จะกลายเป็นการ์ดที่แรงที่สุดในโลกอีกครั้ง โดยทางด้านสเป็คหรือข้อมูลล่าสุดที่ทราบมันจะมาพร้อมกับชิบ Fiji XT ที่ไม่มีการตัดทอนใดๆ
จะมาพร้อมกับขนาดของ Shader Engine ในจำนวน 4096unit ต่อ GPU แต่อาจจะมีการปรับลดความเร็วการทำงานของ GPU หรือระบบควบคุมความเร็ว GPU ใหม่เพื่อลดอัตราการใช้พลังงานลง
ซึ่งบางทีมันอาจจะมาในคราบของ R9 Nano X2 ก็เป็นได้ ส่วนแรมก็แน่นอนว่าตัวการ์ดจะมาพร้อมกับ HBM ที่มีความจุแรมรวมทั้งหมด 8GB หรือ 4GB ต่อ GPU ตามสเป็คของ FURY Series
ดังนั้นสิ่งที่เหลือให้ลุ้นกันในเวลานี้ก็คือ หน้าตาของตัวการ์ดมันจะออกมาในลักษณะใด จะใช้ระบบระบายความร้อนในประเภทไหน จะใช้ Water Cooling
เช่นเดียวกันกับ FURY X หรือ Air Cooling ในแบบ Nano รวมทั้งอัตราการบริโภคพลังงานว่าจะมากน้อยสักเพียงไร และที่สำคัญที่สุดราคาค่างวดมันจะออกมาที่ตัวเลขอะไร
เพราะถ้าหากประเมินจาก R9 FURY X จำนวนสองตัวมันก้จะมีราคาในช่วงประมาณ $1300US หรือราว 45000 บาท ก็คงต้องรอลุ้นกันต่อไป
http://i687.photobucket.com/albums/vv237/4-one/4-Ln/57-aLp.png
(http://international.download.nvidia.com/Windows/355.80/355.80-notebook-win10-32bit-international.hf.exe)
สถาปนิกในระดับตำนานของ CPU AMD ลาออกจาก AMD แล้วแต่ Zen จะยังคงเดินหน้าต่อไป
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/Jim-Keller-AMD.jpg (http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/Jim-Keller-AMD.jpg)
Jim Keller - ขวามือสุดจากในภาพ
ดู เหมือนว่าในช่วงเวลานี้จะมีแต่ข่าวคราวที่ไม่ค่อยสู้ดีนักสำหรับแฟนๆฝั่ง AMD โดยเฉพาะกับตลาดในส่วนของ CPU ซึ่งจากความเคลื่อนไหวต่างๆของทาง AMD
ในช่วงรอบเดือนที่ผ่านมานั้น ก็เคยมีข่าวที่สร้างความแปลกใจให้กับแฟนๆมาบ้างแล้วครั้งหนึ่ง กับการแยกระบบบริหารของทาง AMD ระหว่าง CPU และ GPU ออกจากกัน
ในลักษณะที่เป็นแผนกแยกต่างหากสำหรับ GPU ภายใต้ชื่อ Radeon Technologies Group (http://www.zolkorn.com/news/amd-seperate-cpu-and-gpu-bussiness-under-radeon-technologies-group/) ซึ่งจากข่าวที่ออกมานั้น มีการคาดการณ์กันว่าน่าจะแบ่งกระเป๋ากันบริหารด้วยเช่นกัน
เพียงแค่จะยังคงอยุ่ภายใต้หลังคาเดียวกันในนามของ AMD เท่านั้น
ล่า สุดก็มีข่าวที่อาจจะกล่าวได้ว่าสร้างความสั่นคลอนให้กับ AMD อีกครั้งในส่วนของฝั่ง CPU เพราะในเวลานี้หากใครที่เป็นแฟนๆตัวยงของ AMD ต่างก็คงเฝ้ารอการมาของ CPU
ในเจเนเรชันใหม่ที่จะใช้ชื่อว่า AMD Zen microarchitecture ที่กำลังจะเปิดตัวออกมาในช่วงปีหน้านี้ ทว่าในเวลานี้หนึ่งในทีมผู้ออกแบบหรือสถาปนิกในการออกแบบตัวชิบนั้น
ได้ลาออกไปจาก AMD แล้วสำหรับ Jim Keller สำหรับหัวหน้าทีมในการออกแบบ CPU ที่เคยฝากผลงานอันโดดเด่นอย่าง AMD Athlon K7, AMD K8 ในช่วงปี 1998 ที่ผ่านมา
และได้เคยออกไปร่วมงานกับทาง Apple และถือเป็นหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Apple A4/A5 SOC ในปี 2008 ก่อนที่จะย้ายกลับมาร่วมงานกับ AMD อีกครั้งในปี 2012
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/AMD-40-IPC-Zen.jpg
หาก พูดถึงประวัติของ Jim Keller ในช่วงที่มีการย้ายกลับมาทำงานร่วมกับทาง AMD อีกครั้งในปี 2012 นั้น
เขาก็ทำหน้าที่รับผิดชอบในโปรเจค AMDs next generation x86 microarchitecture
ซึ่งก็คือเจ้า Zen ที่เรากำลังรอคอยกันอยู่ในเวลานี้นั่นเอง และจากข่าวการลาออกของ Jim Keller นั้นก็แน่นอนว่าสร้างความวิตกให้กับบรรดาสาวก AMD ทั่วโลกไม่น้อยเลยทีเดียว
โดยเฉพาะสำหรับใครที่เคยเป็นเจ้าของ CPU ในตระกูล K7, K8 นั้นคงจะทราบดีว่า CPU ภายใต้ผลงานของบุรุษท่านนี้มันทรงพลังขนาดไหน แต่ทว่าทาง AMD เองก็กล่าวว่า
การลาออกของ Jim Keller นั้นจะไม่มีผลกระทับใดๆต่อซีพียูในตระกูล Zen เพราะในเวลานี้ Zen microarchitecture ได้มีการออกแบบทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว
และทุกอย่างจะยังคงเดินหน้าต่อไปตามแผนและกำหนดเวลาที่วางเอาไว้ AMD พร้อมที่จะส่งชิบเพื่อแสดงความสามารถหรือโชว์พลังได้ในช่วงปลายปี 2016
นี้อย่างแน่นอนและมันจะสามารถลุยตลาดอย่างเต็มตัวได้ในปี 2017
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/AMD-Roadmap-2016-FX.jpg
สำหรับ ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับ AMD Zen นั้นในเวลานี้ก็ยังไม่มีการเปิดเผยอะไรที่ชัดเจนมากนักเกี่ยวกับโครงสร้าง ต่างๆ ข้อมูลที่มีอยู่ก็จะยังคงเป็นข้อมูลที่เคยมีออกมาก่อนหน้านี้
โดยคร่าวที่ชัดเจนเท่าที่ทราบก็คือ มันจะเป็นซีพียูที่ทาง AMD กล่าวได้ว่ามันคือยุคปฏิวัติของ CPU จากทาง AMD ที่มีการออกแบบและพัฒนาใหม่ทั้งหมด เป็นซีพียูในแบบ Multi Core
และมาพร้อมกับ SMT หรือการทำงานที่คล้ายๆกับ HT หรือ Hyperthreading จากฝั่ง Intel มาบนแพลทฟอร์มใหม่ที่ชื่อว่า AM4 ทำงานร่วมกับแรมในแบบ Dual Channel DDR4 และทาง AMD
ก็เคลมว่า CPU ในตระกูล FX Zen นั้นจะมีความแรงเพิ่มขึ้นจาก CPU ในยุคปัจจุบันอย่าง AMD Excavator มากถึง 40% และจะขยับเพิ่มสูงขึ้นอีกราว 5-10% สำหรับ Zen+
ZoLKoRn Say : ไม่รู้ว่าแฟนๆ AMD ที่ได้อ่านข่าวนี้กันแล้วจะมีความรู้สึกอย่างไรกันบ้าง ? ซึ่งบางส่วนนั้นผมว่าคงมีบ้างแหละที่น่าจะเริ่มไม่มั่นใจในอนาคตของ AMD
เพราะเมื่อดูจากข่าวคราวต่างๆของทาง AMD ที่ออกมาในเวลานี้มีแต่ข่าวที่ไม่สู้ดีนัก และโดยเฉพาะกับเรื่องของ CPU ด้วยแล้วนั้นยิ่งทำให้น่าสนใจและน่าติดตามมากเลยละครับ
เพราะทาง AMD ประสบปัญหากับตลาดของ CPU มาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็มามีความหวังกับ Zen แต่ล้วอยู่ๆหัวหน้าทีมในระดับตำนานอย่าง Jim Keller
ผู้ที่รับหน้าที่ออกแบบหรือดูแลโครงการนี้โดยตรงก็มาลาออกไปจาก AMD ในช่วงเวลานี้อีก ส่วนเหตุผลของการลาออกที่แน่ชัดนั้นยังไม่มีการกล่าวถึง
มีเพียงการคาดเดาว่าอาจจะเป็นเพราะสภาพทางการเงินของทาง AMD หรือเปล่า หรือว่าทาง Jim Keller เองอาจจะต้องการออกไปหาประสบการณ์หรือความท้าทายใหม่ๆ
งานนี้เราคงต้องรอดูกันยาวๆต่อไปว่าสรุปแล้ว AMD Zen มันจะออกมาในรูปใด หากว่าเป็นไปตามแผนที่ทางไว้และแรงขึ้นราว 40% จริงๆ ตลาด CPU ไม่ว่าจะเป็น AMD
เองหรือตลาดโดยรวมของวงการ DIY น่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งอย่างแน่นอน
http://i687.photobucket.com/albums/vv237/4-one/4-Ln/57-aLp.png
(http://international.download.nvidia.com/Windows/355.80/355.80-notebook-win10-32bit-international.hf.exe)
ระวัง Western Digital ตัด WD Green ออกจากระบบ เหลือแค่ Blue แต่ควรพิจารณาให้ดีก่อนซื้อ !!!
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/Western-Digital-Caviar-Blue.jpg (http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/Western-Digital-Caviar-Blue.jpg)
สำหรับ เนื้อข่าวจากต้นฉบับหากอ่านแบบผ่านๆและไม่อ่านให้จบ อาจจะทำให้ใครที่กำลังจะซื้อหรือคิดจะซื้อ Hard Disk หรือ HDD จากค่าย Western Digital
อาจจะมีน้ำตาตกในได้ ซึ่งจากประเด็นหลักของข่าวนั้น แม้ว่าจะเป็นเพียงเรื่องของการปรับเปลี่ยนการแบ่งรุ่นย่อยตัว HDD จากทาง WD
จากที่เวลานี้มันค่อนข้างสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้งานมากพอสมควร เพราะมีสีให้เลือกมากถึง 5 สีเลยทีเดียว โดยแต่ละสีนั้นมันจะมีความแตกต่างออกไปขึ้นกับลักษณะการใช้งาน
โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/wd-color.jpg
WD Black (สีดำ) สำหรับผู้ที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุด หรือเร็วแรงเป็นที่ตั้ง
WD Blue (สีนำเงิน) สำหรับกลุ่มตลาดผู้ใช้งานทั่วไป มีความแรงรองจากสีดำเล็กน้อย ราคาประหยัดกว่า
WD Red (สีแดง) สำหรับใช้งานร่วมกับ NAS
WD Purple (สีม่วง) สำหรับการใช้งานเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยหรือกล้องวงจรปิด
WD Green (สีเขียว) สำหรับผู้ที่ต้องการเน้นในด้านการประหยัดพลังงาน และมีความแรงพอๆกับ Blue
ทว่า จากความสับสนของกลุ่มผู้ใช้งานระหว่าง Blue และ Green ที่มันจะมีข้อมูลแจ้งไว้ว่า จะมีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน โดยที่เขียวจะเหนือกว่าในด้านการประหยัดพลังงาน
โดยมันจะมีการทำงานที่ออกแบบมาให้จานแม่เหล็กมีรอบการทำงานที่สูงต่ำแตกต่าง กันได้ โดยจะมีรอบการทำงานในช่วง 5400rpm ไปจนถึง 7200rpm แต่ในการทำงานจริงนั้น
โดยมากจะพบว่า WD Green จะมีรอบการทำงานในช่วงสูงสุดเพียง 5600rpm เท่านั้น จึงทำให้ประสิทธิภาพที่ออกมาต่ำลงไปมากๆ ในขณะที่ราคากลับใกล้เคียงกับ WD Blue เป็นอย่างมาก
ที่สุดแล้วทาง Western Digital ก็ได้ตัดสินใจยกเลิกการใช้สีเขียวหรือโมเดลสีเขียวออกไปจากตลาด ซึ่งจะเหลือเพียง 4 สีเท่านั้นคือ ดำ น้ำเงิน แดง และ ม่วง แต่กระนั้นสำหรับ HDD
ที่เคยผลิตเอาไว้ก่อนแล้วในโมเดล WD Green มันจะถูกนำมาขายรวมกับ WD Blue หรือพูดง่ายๆว่าเปลี่ยนฉลากจากเขียวให้เป็นน้ำเงินแทน ดังนั้นในช่วงเวลานี้
สำหรับใครที่กำลังเล็งๆหรือมีแผนที่จะซื้อ HDD ในรุ่น WD Blue จากค่าย Western Digital ก็ต้องระวังหรือหาข้อมูลก่อนสักนิด สำหรับข้อมูลจำเพาะของตัว HDD ว่าระหว่าง WD Blue
ของจริงกับ WD Green นั้นมันมีอะไรแตกต่างกันบ้าง เพื่อให้แน่ใจว่า HDD ที่เรากำลังจะซื้อนั้นมันคือ WD Blue แท้ๆไม่ใช่ WD Green จำแลงมา ซึ่งกว่าที่ WD Green
ที่เคยมีอยู่หรือผลิตเอาไว้แล้วจะหมดไปจากตลาดจริงๆก็คงต้องใช้เวลาอีกสัก พักใหญ่ๆ
ZoLKoRn Say : อย่างไรแล้วก็ระมัดระวังกันสักหน่อยละกันนะครับ ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่มีความแน่ชัดว่าทาง Western Digital ได้มีการปรับเปลี่ยนมานานหรือยัง
ทว่าจากแหล่งข่าวต้นฉบับดั้งเดิม (http://pc.watch.impress.co.jp/docs/news/20150918_721860.html)ได้มีการพูดถึงวิธีสังเกตเอาไว้ว่า ให้สังเกตจากรหัสโมเดลเช่น WD60EZRX จะเป็นรหัสปรกติของ WD Green ส่วนหากเป็นรหัสโมเดลของ WD Blue
นั้นตัวอักษรสุดท้ายจะมากกว่า WD Green โดย WD Blue จะใช้รหัส WD60EZRZ ดังนั้นก็อย่าลืมสังเกตกันก่อนจะซื้อด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นแล้วอาจจะได้ Blue
เวอร์ชันอืดๆมาใช้งานก็ได้เพราะแท้จริงแล้วมันคือ Green ที่เปลี่ยนสีฉลากเป็นสี Blue เท่านั้นเอง
http://i687.photobucket.com/albums/vv237/4-one/4-Ln/57-aLp.png (http://international.download.nvidia.com/Windows/355.80/355.80-notebook-win10-32bit-international.hf.exe)
รัฐบาลอินเดียเผย เตรียมใช้ระบบปฏิบัติการ(OS)ของตนเองที่ชื่อว่า BOSS
http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/boss-OS.jpg (http://www.zolkorn.com/wp-content/uploads/2015/09/boss-OS.jpg)
Windows, Linux, Mac ชื่อเหล่านี้เราน่าจะเป็นที่คุ้นเคยกันไม่น้อย โดยเฉพาะกับ Windows จากทาง Microsoft ที่ใครๆก็ต้องรู้จัก
ต้องเคยลองเล่น ลองสัมผัส และคิดว่ากว่า 90% ก็ใช้งานกันอยู่ เพราะมันแทบจะเป็นระบบปฏิบัติการหรือ OS หลักของพวกเราชาว PC นั่นเอง และด้วยความที่มันเป็นที่นิยมใช้งาน
มันก้เป็นที่หมายปองของเหล่าบรรดาแฮ็คเกอร์ทั้งหลายด้วยเช่นกัน ที่ถึงแม้ว่าจะมีระบบป้องกันที่ดีเพียงไร มีซอร์ฟแวร์ช่วยเหลือที่ดีเพียงไร มันก็ยังหนีไม่พ้นเงื้อมมือแฮ็คเกอร์ไปได้
เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ ทางรัฐบาลอินเดียจึงมีความคิดที่จะเปลี่ยนการใช้ระบบปฏิบัติการที่เขียนขึ้น เองมาใช้งาน ซึ่งล่าสุดก็ออกมาเผยข้อมูลว่ามันพร้อมที่จะใช้งานได้จริงแล้วสำหรับระบบ
ปฏิบัติการที่เรียกมันว่า Bharat Operating System หรือ BOSS โดยมันถูกสร้างหรือออกแบบโดย ศูนย์เพื่อการพัฒนาของคอมพิวเตอร์ ขั้นสูงของประเทศอินเดีย
และมันก็สามารถผ่านการทดสอบโหดในเรื่องของความผิดพลาดต่างๆได้แล้ว ซึ่งคาดกันว่ามันจะถูกนำไปใช้งานในองค์กรภาครัฐเร็วๆนี้ สำหรับ BOSS
ในเวอร์ชันล่าสุดนี้นั้นทางฝ่ายพัฒนายังได้กล่าวอีกด้วยว่า
เรา ไม่ได้มีปัญหาขาดแคลนนักพัฒนาซอร์ฟแวร์ที่นี่ มันดีขึ้นมากหากเปรียบเทียบกับเวอร์ชันพัฒนาในปี 2007 ที่ผ่านมา มันทำงานง่ายขึ้น เรียรู้ได้อย่างรวดเร็ว
และสำหรับในเวลานี้มันอาจจะยังไม่มีลูกเล่นอะไรมากนัก แต่เราก็จะขอความช่วยเหลือจากผู้พัฒนาซอร์ฟแวร์ที่ชื่อว่า biggies ให้เข้ามาช่วยกันปรับปรุงในอนาคต
ZoLKoRn Say : นับเป็นอีกมุมหนึ่งที่มีความน่าสนใจมากเลยทีเดียวสำหรับวงการ OS หรือระบบปฏิบัติการ และยิ่งมันมาจากฝั่งอินเดีย
ชาติที่เราน่าจะทราบกันว่าเป็นชาติที่เก่งในเรื่องของซอร์ฟแวร์เป็นอย่างมาก อาจจะกล่าวได้ว่าอันดับหนึ่งของโลกก็ว่าได้
เพราะเมื่อเรามองไปยังบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างๆในวงการไอทีไม่ว่าจะซอร์ฟแวร์ หรือฮาร์ดแวร์ล้วนแล้วจะต้องมีคนที่งานที่เป็นคนอินเดียรวมอยู่ด้วยเสมอ
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่อินเดียกำลังจะมี OS เป็นของตนเอง เพราะขนาดส่งจรวดออกนอกโลกก็ทำได้มาแล้ว ดังนั้นในอนาคตเราอาจจะได้เห็น OS ตัวใหม่ๆ
หรือมีทางเลือกให้ผู้บริโภคอย่างเราๆได้เลือกใช้งาน แต่ที่สำคัญสำหรับคอเกมเลยก็คือ มันต้องเล่นเกมได้ด้วยนะ ใช่มั๊ยละครับ ?
http://i687.photobucket.com/albums/vv237/4-one/4-Ln/57-aLp.png
(http://international.download.nvidia.com/Windows/355.80/355.80-notebook-win10-32bit-international.hf.exe)
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเวป (http://zolkornpull-1a42.kxcdn.com/wp-content/uploads/2015/08/15b.jpg?iv=12)www.itfree4u.com (https://www.itfree4u.com/)