เหนื่อยครับ อยากระบาย

สวัสดีครับ ไม่มีอะไรมากครับ ผมแค่อยากมาระบายเกี่ยวกับชีวิตในมหาลัยครับ ผมเรียนอยู่ปี 1 คณะเภสัช ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคอีสานครับ

แล้วไอ่ตอนเข้าครับ ผมก็ไม่ได้อยากเข้าเท่าไหร่หรอกครับ แต่เข้าให้พ่อกับแม่ แล้วก็เพื่ออนาคตตัวเองด้วยครับ แล้วที่ผมจะมาระบายก็คือเรื่องการเรียนกิจกรรมครับ

คือผมคิดว่าบางทีกิจกรรมมันก็เยอะเกินไปครับ คือทำทั้งปีเลย ว่างแค่ช่วงสอบ กลับสี่ห้าทุ่มทุกวัน(เหนื่อย) แบบผมไม่ได้ไม่ชอบทำกรรมกรรมนะครับ มีอะไรผมก็ไปช่วยๆเพื่อน

แต่ผมคิดว่าบางกิจกรรมคือไม่รู้จะทำไปทำไมครับ อย่างเช่นซ้อมแสตนด์ไปประกวดเนี่ย ทำไปทำไม ทำแล้วเราได้อะไร

ครั้งหนึ่งพี่เค้าเคยพูดว่า"ถ้าจะเหนื่อยก็เหนื่อยด้วยกัน" นี่แหละครับผมก็เลยตั้งคำถามว่าเหนื่อไปทำไม ได้รุ่นแล้วได้อะไรงี้

ก่อนหน้านั้นมีกิจกรรมจัดค่ายให้น้องครับ คืออันนี้ผมรู้สึกว่าเราได้ให้น้องเค้าครับ ได้เห็นน้องเค้ามีความสุข ได้เห็นน้องเค้าค้นหาตัวเอง แต่ไอ่ที่ซ้อมแสตนด์นี่ผมไม่เข้าใจจริงๆครับ:(:(:(

ส่วนเรื่องการเรียนครับ วิชาคณะนี่ยากมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ซึ่งคณะผมจะใช้เคมีเป็นหลักครับซึ่งผมนี่เกลียดเคมีเข้าเส้นเลยครับ ซึ่งก่อนหน้าสอบมานี่อ่านจนไม่ได้นอนเลยครับ ไม่รู้ว่าคะแนนจะออกมายังไง(คาดว่าจะไได้มินคณะ)

ส่วนมีอีกวิชาครับ คือเซลล์ไบโอ คะแนนออกมาแล้วผมได้ 27.93/50 ครับ เกือบตก สงสัยได้มินคณะด้วยมั้งครับ แบบผมอุตส่าห์อ่านทั้งวันทั้งคืนครับ ได้แค่นี้ บางทีผมก็รู้สึกท้อนิดหนึ่ง เฮ้ออออ...เซ็งครับ

ส่วนวิชาอื่นๆผมก็ไม่ค่อยมีปัญหาหรอกครับ ถ้าถามว่ากิจกรรมกระทบกับการเรียนมั้ยผมก็ว่าไม่ค่อยหรอกครับ ก็พอจัดเวลาได้อยู่

ถ้าถามว่าทำไมได้มาโพสต์ในนี้ ผมก็ต้องตอบว่าภ้าโพสต์ในพันทิพย์หรือเด็กดีมีพี่เห็นแน่ครับ ผมก็เล่นบอร์ดนี้มาตั้งนมนานแล้ว นี่ก็เพิ่งกลับมาครับ

ป.ล.เหนื่อยมากครับตอนนี้ ตาเป็นหมีแพนด้าแล้ว:(:(:(

**เพิ่มเติม**

คณะผมไม่ให้ไว้ยาวครับแบบงงๆครับ ผมเรียน***ครับ แบบจารย์บอกว่ามันจะดูไม่น่าเชื่อถือครับ แบบคือไว้ผมยาวแล้วมันจะดูไม่น่าเชื่อถือเหรอ แล้วทำไมผู้หญิงยังตัดผมสั้นได้เลย อันนี้เซ็งจริงๆครับ รู้สึกเหมือนโดนละเมิดสิทธิยังไงไม่รู้

ถ้าใครมีเหตุผลดีๆก็บอกผมได้เลยนะครับ อยากรู้เหมือนกัน

กีฬาราชพฤกษ์ กำลังจะมาแล้ว

รับน้องสินะ ถ้าสังคมคณะที่คุณอยู่มันเป็นแบบนั้น ก็(จำใจ)ทำไปเตอะ ทนเอา
ถ้าจะออกมาเป็นหมาป่าเดียวดาย ก็ได้นะ แต่ถ้าไม่แกร่งพอ อาจจะตายได้

บางทีคนเราต้องเจออะไรที่มันห่วยแตก ถึงจะเข้าใจความจริง แต่บางคนก็ไม่เข้าใจไหลตามกระแสน้ำไปซะงั้น

รู้สึกไอ้ ม.เนี้ยคะแนนกิจกรรมมันไม่ต้องทำก็ได้หรือเปล่าถ้าเดาถูกนะถ้าผิดก็ขออภัย คือกิจกรรมเป็นส่วนเสริมของการเรียนไม่ใช่หัวใจหลักของการศึกษาในมหาลัย ถ้าทำแล้วได้เกรดก็ทำ บางอย่าง ไม่ต้องทำก็ได้ เพราะเรามีสิทธิ์เลือกตามความเหมาะสม ของตัวเราเองไม่ใช่ว่าเห็นอะไรก็ทำไปหมด เพราะถ้ามันกระทบกับผลการเรียนแล้ว กิจกรรมหรือรุ่นมันก็ไม่ได้ช่วยให้เราเลย ฉะนั้นไม่ต้องทำทั้งหมด แต่เมื่อสมัครใจทำแล้วควรทำให้เต็มที่คับ ไม่อยากทำก็บอกเหตุผลว่าเพราะอะไร อย่าไปออกดื้อๆๆ เดียวเพื่อนหรือรุ่นพี่มีเคืองแน่ๆ

อ้างถึง:

---

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ estelle18

รับน้องสินะ ถ้าสังคมคณะที่คุณอยู่มันเป็นแบบนั้น ก็(จำใจ)ทำไปเตอะ ทนเอา
ถ้าจะออกมาเป็นหมาป่าเดียวดาย ก็ได้นะ แต่ถ้าไม่แกร่งพอ อาจจะตายได้

บางทีคนเราต้องเจออะไรที่มันห่วยแตก ถึงจะเข้าใจความจริง แต่บางคนก็ไม่เข้าใจไหลตามกระแสน้ำไปซะงั้น

---

คงตายคาที่ครับ เพราะไม่เกาะกันเรียนนี่คือร่วงครับ ที่ผมได้ขนาดนี้เพราะให้เพื่อนติวให้ครับ ผมอึดอัดครับ อยากมาบ่นหน่อย ยังไงก็ต้องทนๆไปอยากที่คุณว่าแหละครับ อยากจะร้องไห้ ToT

อ้างถึง:

---

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ ko555555

กีฬาราชพฤกษ์ กำลังจะมาแล้ว

---

เพลียครับ T^T

อ้างถึง:

---

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ kunikuman

รู้สึกไอ้ ม.เนี้ยคะแนนกิจกรรมมันไม่ต้องทำก็ได้หรือเปล่าถ้าเดาถูกนะถ้าผิดก็ขออภัย คือกิจกรรมเป็นส่วนเสริมของการเรียนไม่ใช่หัวใจหลักของการศึกษาในมหาลัย ถ้าทำแล้วได้เกรดก็ทำ บางอย่าง ไม่ต้องทำก็ได้ เพราะเรามีสิทธิ์เลือกตามความเหมาะสม ของตัวเราเองไม่ใช่ว่าเห็นอะไรก็ทำไปหมด เพราะถ้ามันกระทบกับผลการเรียนแล้ว กิจกรรมหรือรุ่นมันก็ไม่ได้ช่วยให้เราเลย ฉะนั้นไม่ต้องทำทั้งหมด แต่เมื่อสมัครใจทำแล้วควรทำให้เต็มที่คับ ไม่อยากทำก็บอกเหตุผลว่าเพราะอะไร อย่าไปออกดื้อๆๆ เดียวเพื่อนหรือรุ่นพี่มีเคืองแน่ๆ

---

ตอนแรกไอ่แสตนด์เนี่ยผมก็ไม่ได้เข้าหรอกครับ คณะผมคนน้อยครับมันเลยไม่พอครับ คือพวกสายแข็งจริงๆหายไปเลย ผมก็เรียกว่าเห็นหน้าได้ที่คณะบ่อยครับ แล้วรุ่นพี่ก็รู้จักด้วยแกเลยมาขอให้ทำครับ ก็เห็นเพื่อนเข้าไปแล้วแต่คนไม่ครบ ผมก็เลยใจอ่อนครับ(รู้สึกคิดผิดครับ T^T) แล้วก็อย่างที่คุณว่าครับ เข้าแล้วถ้าออกนี่โดนมองแรงแน่ครับ

***เพิ่มเติม***

ผมเคยเอาเรื่องนี้ไปถามเพื่อนครับ แบบเถียงกันแรงมาก นานด้วย ผมก็เลยว่าถ้าคุยกันเรื่องนี้อีกมีตีกันแน่ครับ

อ่านเรื่องที่ จขกท ระบายมานี่ ผมเริ่มเครียดกับชีวิตในมหาลัย(กิจกรรม)แล้วสิ :eek:

อะไรที่มันไรสาระเกินไปก็ไม่ต้องเข้าหรอกครับ เสียการเรียนเปล่าๆ อย่างมีกิจกรรมตอนจะสอบน่อย่าหวัังเลยครับ เข้าเฉพาะที่เราคิดว่ามีประโยขน์กับเราตัว เพราะผมทำแบบนี้บ่อยจนคนไม่ชอบผมทั้นคณะแล้วมั้ง ฮ่าๆ

กิจกรรมมันเป็นแค่การฝึกคุณลักษณะการอยู่ร่วมในสังคมนะผมว่า เป็นการฝึกทักษะการทำงาน มันไม่เกี่ยวกับการจบนะผมว่า ขนาดผมขาดกิจกรรมบังคับบางตัวยังจบได้ไม่มีปัญหา ส่วนรุ่นพี่ผมสิตั้งแต่ปี 1 ยันจบไม่เข้ากิจกรรมอะไรเลยก็จบเฉย แต่ผมว่ายังไงก็เข้าเถอะครับพอเป็นกษัย ไม่ไหวก็พักบ้าง เพราะส่วนใหญ่การทำกิจกรรมจะไปเกี่ยวข้องกับการสมัครเข้าทำงาน ทักษะการทำงานและสังคมตอนเราทำงานครับ

ผมขอเดาว่า มมส-----คลุม
ถ้าใช่ ผมก็กำลังจะไปพอดี

ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องทำครับบอกเหตุผลพี่ๆเขาไป ไม่ก็ขอกลับบ้านเร็วแทน แต่ทุ่มเทเวลาซ้อมหน่อย มันไม่สำคัญกับเราหรอกแต่มันสำคัญกับคนอื่นเขา ถ้าเราออกคนนึงคนอื่นก็จะออกตามกันหมด กล้าพูดกล้าทำไปเลย แต่เวลาที่เรากล้าพูดอะให้คุยตัวต่อตัวกับพี่เราจะได้เป็นกรณีพิเศษๆไป อย่าพาเพื่อนไปด้วย ไม่ใช่พวกวิศวะก็ไม่น่ากลัวหรอก555 แสตนนี่ทำให้ปี1234มาเจอกันนั่นแหละครับประเด็นสำคัญ ถ้าหมดแสตนนี่ไม่ได้เจอกันหรอก555 ทำให้ปี1รักกันด้วย แล้วจะมาทะเลาะกันตอนปี2เรื่องกิจกรรมให้น้องนี่แหละ พวกหัวหน้าพวกเฮดเนี่ยแหละได้ความเป็นผู้นำมากสุด จากพูดต่อหน้าคนมากๆเขิน จนต่อนี้กลายเป็นคนที่เพื่อนๆเคารพการตัดสินใจมากๆคนนึงได้เลยละ

เดี๋ยวก็ชินครับน้อง ชีวิตมหาลัยเป็นเรื่องของความรับผิดชอบล้วนๆ ถ้ามองในมุมแคบๆมันก็ได้แค่ว่า ทำไปทำไม ถ้าลองมองมุมกว้างๆขึ้นมาหน่อยมันให้อะไรเราบ้าง ความอดทน ความรับผิดชอบ การแบ่งเวลา การทำงานร่วมกับผู้อื่น

ใครปรับตัวได้เร็วก็ได้เปรียบ ถามตัวเองเถอะว่าสู้มั๊ย ถ้าแค่นี้ไม่ไหว ออกไปทำงานเละแน่ครับ ทำงานหนักกว่านี้เยอะครับเชื่อพี่

ผมเคยโดนรับน้องวิศวะครับ มันซ้อมกันหลังเลิกเรียนหนักมาก ทั้งวิ่ง วิดพื้น หมอบคลาน ตกลงมาเรียนวิศวะหรือเกณฑ์ทหารวะเนี่ย :o กว่าจะจบกล้ามขึ้นมาหน่อยนึงเลย :sweat

ผมผ่านจุดนั้นมาแล้ว คิดว่าสนุกนะครับ มันส์ดี จงจดจำช่วงเวลาดีๆนี้ไว้เถอะครับ

ถ้าคุณได้เข้าวัยทำงาน เจอแต่สังคมใส่หน้ากากเข้าหากัน พร้อมที่จะแทงข้างหลัง หาความจริงใจไม่มี แล้วคุณจะย้อนกลับมาคิดถึงมันแน่ เชื่อผม :yes

อ้างถึง:

---

กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ hades051

เพลียครับ T^T

---

สู้ๆครับ ผมผ่านจุดๆนั้นมาแล้ว ที่นี่ผมเคยเจออะไรมามากกว่าที่คุณเคยเจอ จะเป็นสแตน เป็นแบคสเตจ เป็นหลีดผี นิสิตต้นแบบ(หมายถึงนิสิตที่ต้องไปซ้อมรับปริญาแล้วมาสอนรุ่นพี่ที่จะมารับจริงๆ) ออกค่ายหลายค่าย ทำงานสโมสรนิสิต ทำงานช่วยคณะ ทำงานช่วยภาควิชา ช่วยงานมหาวิทยาลัย เป็นคณะกรรมการประชุมเชียร์ และอื่นๆ ผมผ่านมาหมดแล้ว ตอนนี้ผมอยู่ปีสี่คณะไอทีกำลังฝึกงาน และกำลังจะจบในอีกไม่นาน

สำหรับเรื่่องแบ่งเวลา หนึ่งวันมี24ชั่วโมง ถ้าต้องไปทำอะไรซักอย่าง มันย่อมต้องส่งผลต่อเรื่องอื่นๆเป็นธรรมดา แต่ถ้าคุณแบ่งเวลาได้ก็ถือว่าดี จากประสบการณ์ที่ผมได้ผ่านมา กิจกรรมส่งผลต่อการเรียนไม่เท่าไหร่หรอก ที่ส่งผลมากคือตัวเองทั้งนั้น บางคนก็อ้างกิจกรรมกระทบการเรียน ทั้งๆที่ตัวเองไม่เคยเข้ามาเลย พอไม่เคยเข้าเจอหน้าเพื่อน ถ้าเกิดคนนั้นเก่งพอ จะอยู่จนจบได้ก็แล้วไป แต่บางคนที่ไม่ไหวก็จะหายไปเงียบๆโดยไม่มีคนรู้ เพราะพวกนั้นไม่เคยทำให้ตัวเองมีตัวตนอยู่ในสายตาของเพื่อนร่วมรุ่น

คุณอาจจะคิดว่าโพสต์ในนี้จะไม่มีใครเห็นนั้นไม่เป็นความจริง ในยุคแห่งข้อมูลสารสนเทศที่มีเน็ตเข้าถึงแทบทุกที่ ผู้คนมีหูตาอยู่แทบทุกแห่ง แต่คนในบอร์ดนี้ คนมักจะไม่ค่อยก่อเรื่องดราม่าใหญ่โตออกนอกบอร์ด ซึ่งเป็นสื่งที่ต่างจาก พันทิปและเด็กดี เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะโพสต์ที่ไหนก็ระวังในคำที่จะใช้ด้วยก็ดีครับ

สำหรับเรื่องทรงผมมันเหมือนเป็นค่านิยมที่หลอกตาอยู่ในสังคมไทย คนตัดผมเรียบร้อยจะดูภูมิฐานดูน่าเชื่อถือ ซึ่งมันก็มันก็เป็นจริงถ้าดูกันแค่ภายนอก และอาจารย์คุณก็คงจะคิดอย่างนั้น คนเราเจอกันก็ต้องดูกันภายนอกก่อนเสมอ เพราะเจอกันก็เห็นเลย ส่วนสิ่งที่อยู่ภายในนิสัย ความรู้ รสนิยม หรือความเชื่อ เป็นสิ่งที่ต้องไปเรียนรู้กันทีหลัง เราไม่สามารถมองทะลุนิสัยทั้งหมดของคนที่เราพึ่งเจอได้ สิ่งที่อยู่ภายนอกจึงสำคัญ แต่ถ้าคุณไปดูตามคณะที่ให้เสรีภาพเต็มที่ในด้านนี้ คุณก็จะได้เห็นผู้ชายผมยาว คนทำสีผม ทรงผมแปลกๆ และคนเหล่านั้นก็เรียนได้อย่างปกติสุขไม่มีใครว่าอะไร ซึ่งตัวผมก็เคยผ่านจุดนั้นมาแล้วเช่นกัน ผมตัดผมครั้งสุดท้ายตอนจะจบม.6 แล้วไม่ตัดเลยเป็นเวลากว่าสามปีครึ่ง ผมยาวจนเกือบถึงก้น และผมก็เรียนอยู่ได้สบายๆโดยไม่ได้มีปัญหาอะไรเรื่องทรงผม ผมสามารถเข้าเรียนเข้าสอบได้เป็นปกติ มีคนรู้จักมาแซวเป็นครั้งคราว แล้วก็มาตัดออกตอนมาฝึกงานเพราะอาจารย์ขออยากให้ดูเรียบร้อย ผมก็ได้ตัดออกไปในที่สุด

เข้าทุกวันตอนปีหนึ่ง ตอนทำโปรเจคจบปีสี่ ไม่มีรุ่นพี่หน้าไหนมาช่วยสักตัว ขู่ว่ามีผลกับการจบ เพื่อนผมไม่เคยเข้ามันยัง จบมาได้ทุกวันนี้

พอขึ้นปี 2 ก็จะชิวขึ้นเองครับ มอผม ปี2 ก็เริ่มชิวละ หนักแค่เรียน

หาเพื่อนอุดมการเดียวกันครับ ซัก 6-10 คนแล้วออกมาเลยครับ ไม่ต้องสนใจ(ถ้าคณะไม่มีคะแนนกิจกรรมนะ) สมัยผมปี 1 ผมก็ทำแบบนี้ พอได้เพื่อนเลิกเรียนชวนกันไปตีดอทเลย(สมัยนั้น DotA ภาคแรกกำลังบูม) พวกผม 2 ใน 10 คนจบได้เกียร์ตินิยมอันดับ 2 ครับ ที่เหลือๆก็อยู่ท๊อปๆห้อง ไม่ได้เดือดร้อนอะไรครับ

เข้าสังคมได้ไม่มีปัญหา เราจะอยู่ในสังคมได้หรือไม่ได้มันอยู่ที่ทัศนคติของเราครับ รู้จักมารยาท การวางตัว และจริงใจกับคนอื่น อยู่ในสังคมได้อยู่แล้วครับ ไม่เกี่ยวกับร้องเพลงเชียร์คณะได้ไม่ได้

สมัยผมตอนเรียนออกมาจากกิจกรรมแล้วยังเข้าไปช่วยทำป้าย Congratulation ตอนรุ่นพี่รับปริญญาเลย แต่พวกผมไม่ไปบูมพี่นะ(เงินก็ไม่เอา รู้ว่าสุดท้ายมันก็เอาไปลงขวดกันหมด) น้องคนไหนไม่เข้าใจบทเรียน หรือมีงานมาพวกผมก็ช่วย ขณะที่พวกพี่กิจกรรมเอาแต่เรียกน้องไปช่วย Project แต่พองานน้องหายหัวหมด น้องปี 1 เข้ามาใหม่ๆพวกผมไม่เคยแกล้ง ขอลายเซ็นพวกผมก็ให้(เซ็นทับลายพวกบ้ากิจกรรมด้วย 555+)ตอนปีหลังๆนี่รุ่นน้องเดินผ่านนอกคณะไหว้พวกผมกันหมดครับ(ในคณะเค้าไม่กล้าไหว้ กลัวพี่กิจกรรมเห็น) น้องยังมาด่าพี่กิจกรรม(บางคน)ลับหลังเลยครับ เอาแต่จะให้น้องช่วยงาน สอนอะไรก็ไม่สอน พอน้องไปขอให้ช่วยก็ได้คำตอบคือ พวกพี่ไม่ว่าง(Drink อยู่) แถมยังแย่งแฟนรุ่นน้องอีก จ้องแต่จะฟันเด็กปี 1 (พวกผมก็จ้อง 5555+ แต่ถ้าเด็กมันคบกันอยู่พี่ไม่ยุ่ง)

ถ้ามหาลัยไม่มีคะแนนกิจกรรมก็ออกมาเถอะครับ ทำแค่อันที่เราอยากจะทำก็พอ ช่วยเพื่อนๆเรา ถ้ามีงานเข้ามาพวกรุ่นพี่มันไม่กล้าไล่หรอก มันก็หาคนช่วยเหมือนกัน ซ้อมเชียร์โชว์พาวบ้าพลัง อันไหนไร้สาระก็ปล่อยมันไปครับ ไม่ต้องสนใจ และอย่าแบ่งแยกทำดีกับทุกคนครับ ไม่ว่าเพื่อนเราจะรับรุ่นหรือไม่รับ แต่ถ้าเค้าอยากแบ่งก็ปล่อยเค้าไปครับ ไม่ต้องไปสนใจรุ่นพี่ พวกนี้ส่วนมากก็แค่อยากมีคนเลียไข่ให้แค่นั้นครับ พอมีอำนาจสั่งคนอื่นได้ก็บ้าอำนาจกันใหญ่ เท่าที่อ่านที่ จขกท. เล่ามาผมเชื่อว่าต้องมีคนคิดเหมือนกันครับ รวมตัวกันไว้ แล้วขบถเลยครับ พออยู่กันเยอะๆรุ่นพี่มันไม่กล้าทำอะไรเราหรอกครับ อย่าออกมาคนเดียว เดี๋ยวจะโดนพวกมันหมายหัว จะโดนมันรุมขู่รุมแกล้ง

ส่วนเรื่องบทเรียนลองจับกลุ่มกับเพื่อนครับ ช่วยๆกันติว เก่งกันคนละวิชา เราเก่งวิชาไหนก็สอนคนอื่น(สมัยนั้นในกลุ่มผมเก่ง Eng) เราอ่อนวิชาไหนก็ให้คนอื่นสอน หาจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเอง และเพื่อนๆให้ได้ครับ เรานั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวไม่ไหวหรอกครับ การสอนคนอื่นจะช่วยให้เราได้ติวตัวเราเอง และทบทวนไปด้วย อ่านหนังสือเราได้แค่จำตามที่หนังสือบอกครับ แต่ถ้าเราสอนคนอื่น เราจะเข้าใจจนเกือบเขียนตำราเองได้เลยครับ ไม่ต้องกลัวครับ สอนบ่อยๆเราจะเก่งเอง อันไหนไม่แน่ใจก็บอกไปว่าไม่รู้ ช่วยๆกันหาคำตอบ ไม่มีใครเก่งได้ด้วยตัวคนเดียวครับ หาวิชาที่เราเก่ง ถึงไม่ได้เก่งที่สุดก็ไม่เป็นไรครับ ช่วยเพื่อนสอนก็ได้ หรือถ้าไม่เก่งเลย ก็หาวิชาที่เราชอบ วิชาที่เรามีความรู้สึกว่าเราอยากเรียน แล้วพยายามทำความเข้าใจครับ แต่ถ้าไม่มีเลย แนะนำว่าให้เปลี่ยนคณะครับ เพราะวิชาที่เรียนในมหาลัย เป็นสิ่งที่คุณต้องใช้ไปตลอดชีวิตการทำงานจริง หากไม่มีวิชาที่ชอบเลยคุณจบไปก็ไม่ได้ทำอาชีพที่คุณเรียนมาหรอกครับเพราะคุณไม่มีความสุขกับมัน ปริญญาก็จะกลายเป็นแค่กระดาษไร้ค่าแผ่นเดียว ถึงทนทำไปคุณก็จะรู้สึกว่าชีวิตมันไร้ค่า อยู่กินเงินเดือนไปวันๆ เปลี่ยนคณะดีกว่า คุยกับคุณพ่อ-คุณแม่ตรงๆ ท่านให้อยู่แล้วครับ ส่วนเรื่องมหาลัยไม่ต้องสนใจมากหรอกครับ เพราะมหาลัยสอนพื้นฐานให้คุณแค่ 10-20% ของความรู้ที่คุณจะใช้เวลาทำงาน กับเป็นใบเบิกทางสมัครงานตอนคุณจบใหม่นิดหน่อยแค่นั้นเอง พอทำงานไป 3-5 ปีเริ่มมีประสบการณ์เขาไม่สนหรอกครับว่าคุณจบที่ไหนมา(ยกเว้นบริษัทที่ดูสีเลือดนะ)

อันนี้แถมถึงเรื่องการทำงานครับ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับบริษัทใหญ่ๆที่เขามั่นคงอยู่แล้วผมแนะนำให้คุณเข้าไปแค่หาประสบการณ์พอครับ ไม่ต้องไปซีเรียส เพราะบริษัทพวกนี้เขามีบุคลากรครบอยู่แล้ว คุณเข้าไปใหม่ก็เป็นได้แค่ลูกมือครับ โอกาศแสดงฝีมือของคุณมีน้อย(คุณเพิ่งเข้ามาคิดหรอครับว่าคุณจะได้เลื่อนขั้นก่อนคนที่เขาทำมาจน ห-ม-อ-ยหงอก) ถ้าอยากก้าวหน้าแนะนำให้หาบริษัทเล็กๆ ที่เพิ่งเปิดใหม่ครับ เพราะโอกาศที่คุณจะได้แสดงฝีมือมีเยอะ และถ้ากิจการไปได้ด้วยดีคุณจะอยู่ในกลุ่ม Founder (ผู้ก่อตั้ง) เลยครับ ขี้หมูขี้หมาก็หัวหน้าแผนกครับ เติบโตไปพร้อมๆกับบริษัทครับ อย่าหวังพึ่งแต่จะเข้าบริษัททีใหญ่โตอยู่แล้ว เพราะบริษัทพวกนี้อย่างที่บอก มีบุคลากรครบอยู่แล้วส่วนมากจะมองคุณว่าเป็นแค่กาฝาก(ถ้าใช้คำแรงไปขออภัยครับ)กินเงินเดือนไปวันๆ หาใครมาแทนเมื่อไหร่ก็ได้ เด็กจบใหม่ไฟแรงค่าตัวถูกๆเยอะแยะไป จะปลดออก จะ Layoff เมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนถ้าหวังจะได้เงินชดเชยจากการไล่ออกอย่าหวังครับ เพราะเขาจะไม่ไล่ออกตรงๆ แต่จะใช้การเมืองภายในกดดันให้คุณยื่นใบลาออกเอง(ไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย)เช่น Load งานให้หนักจนคุณทำพลาดบ้าง ใช้ให้เดินทางไปนู่นไปนี่บ้าง ย้ายไปอยู่สาขาอื่นบ้าง(อันนี้เอาวิชามืดมาเล่าให้ฟังกันเลยครับ)

สุดท้ายนี้ขอให้โชคดีครับ:bye

ปี 1 หนักทุกที่ครับ ปี 2 จะสบายไปเอง

ส่วนมากมหาลัยปิดแทบทุกที่จะแบบนี้หมด แต่เวลาสอบนี่ อาศัย คะแนนช่วยเกือบ50% เลยน่ะครับ

ต่างจาก ม ปิด เพราะ แบบนั้นคุณต้องอ่านหนังสือเองทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ถ้าเกิดทำงานด้วย เวลายิ่งน้อยเกือบ ทั้งวัน!!!

ผมเอง ยอมรับว่า บางกิจกรรม ไม่เคยเข้าเลย รับน้องก็ไม่เคย น่ะ แต่ อาศัยเพื่อนและตีสนิทคุยกะรุ่นพี่ในกลุ่มเพื่อนบางคน ก็ไม่มีปัญหา ผมไม่รุ้ว่า มหาลัยอื่นจะหนักแบบนี้เหมือนกันหมดมั้ย

มองให้สนุกครับ กิจกรรม ถึงมันจะไม่สนุก ยิ่งเป็นผช ถือโอกาสส่องสาวเพื่อเป็นกำลังใจและอาหารตา ไม่อยากให้ออกกิจกรรมตั้งแต่ปี 1 เพราะเสี่ยงโดนเพื่อนเกลียด ตามน้ำไปก่อน
คนกลุ่มน้อยไม่สามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมที่มันมีมายาวนานได้หรอกครับ (ไม่นับพวกรับน้องบ้าบอที่พาน้องไปตายในข่าวนะ)
ผมเคยเป็นเด็กกิจกรรมครับ ปี 1 ทำทุกอย่าง เป็นหัวหน้า หัวทีม ขึ้นปี 2 ทิ้งหมดทุกอย่างครับ รู้จักกับรุ่นพี่มากขึ้น รู้เบื้องหลังมากขึ้น เริ่มศรัทธาในระบบน้อยลง ทะเลาะกับรุ่นพี่ในสโมฯเพราะเรื่องส่วนตัว
สุดท้าย ออกมาได้ สบายแล้วครับ ไม่มีกิจกรรมกวนใจ แต่ต้องไปสอนรุ่นน้องบ้างบางครั้ง ไม่ได้กินเวลามาก ทนครับ ขึ้นปี 2 ก็สบายแล้ว แต่เรียนหนัก 555555

สั้นๆง่ายๆ จบมาสบาย คณะเภสัช ตอนเรียนแพทย์มันก็ต้องเรียน เคมีอยู่แล้ว ที่จริงเรียนแต่ ม.4 ใหนๆก็มาแล้ว เอาให้จบ งานดีเงินดีสบาย ตอนนี้ลำบาก อนาคตสะบาย มีเมียเป็นหมอ หา XXX นะ อ้วนเตี้ยดำมืด อย่าไปเอา

มาให้กำลังใจละกันค่ะ

เราเรียนคณะที่คนส่วนใหญ่ไม่ทำกิจกรรมอะไรเลย วันๆ เอาแต่เรียน มุ่งเกรด ตั้งแต่ปี 1
งานคณะ การแสดง ซ้อมเชียร์ ส่วนมากก็ผักชี ทำกันวันท้ายๆ มีแค่รุ่นพี่บางส่วนเท่านั้นที่ลงมาทำ
ปี 1 เคมี ฟิสิก ก็ยากมากๆ เราจบด้วยเกรด C กับ C+ (เพราะมันไม่ตัดต่ำกว่านั้น ไม่แจก D F)
ปี 2 วิชาคณะก็ยากเหลือเกิน เรียนตั้งแต่ 8:00 - 16:00 บางวันมีติวเพิ่ม งานคณะหน่ะหรอ? ใครจะทำ?
ปี 3 เหมือนปี 2 ต่างไปแค่ไม่ต้องทำงานคณะอะไรเลย ใช้ปี 2 ทำ

จนเรียนจบ สรุปไม่เคยทำงานคณะเลย -0-

รู้ไหมวันนี้เรียนจบแล้ว เราได้เห็นคณะอื่นมีงานคณะ มีการทำงานร่วมกัน รุ่นพี่รุ่นน้อง
ทำงานกับคณะอื่น มีเพื่อนคณะอื่น ออกจิตอาสา ทำงานเพื่อสังคม

บางครั้งกิจกรรม มันอาจจะทำให้นายเป็นคน มากกว่าเราก็ได้นะ
ได้รู้จักเสียสละ ทุ่มเท สังคม เพื่อน

สุดท้ายก็แล้วแต่อะ ว่าจะอยากทำหรือไม่อยากทำ ส่วนมากมันก็แค่ 2 ปี แรกแค่นั้นแหล่ะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
แล้วมันก็จะผ่านไปเลย ถ้าไม่เคยทำกิจกรรม มันก็จะไม่ได้ทำอีกเลย

ส่วนเรื่องเรียนหนัก คณะไหนมันก็ยากด้วยกันทั้งนั้นแหล่ะ มีแค่ว่าจะสู้หรือยอม

สู้ๆ ค่ะ

ทำกิจกรรมมันได้สังคมครับ มันต้องให้น้ำหนักก่อน กิจกรรม กับ เรียน เราให้น้ำหนักอะไรเท่าไหร่ เมื่อรู้แล้ว...ถึง จะมาถึงวิธีปฎิบัติ ให้ได้ตามที่เราต้องการ จะเลือกไม่เอากิจกรรม ไม่เอาสังคมเลยก็ได้ แต่ก็จะมีวิธีใช้ชีวิตช่วงมหาลัยที่ต่างไป ปีหนึ่งอาจยังใหม่ ไม่มีคนชี้นำทาง อาจจะตัดสินใจพลาดได้ ขอให้ใช้สติแล้วกัน จำไว้ว่าเราเลือกวิถีที่เหมาะกับตัวเราเท่านั้น ไม่มีคำว่า ถูก ผิด ครับ