WOOTING One : Analog Mechanical Keyboard คีย์บอร์ดที่ทำได้มากกว่ากดกับปล่อย

[manglove]

WOOTING One : Analog Mechanical Keyboard คีย์บอร์ดที่ทำได้มากกว่ากดกับปล่อย

คีย์บอร์ดที่เราใช้งาน กันอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ด Gaming ราคาแพง ระดับเทพแค่ไหน ก็ยังคงเป็นคีย์บอร์ดทั่วๆไปคือจะมีการกดและการปล่อยแค่นั้น หรือว่า On กับ Off ซึ่งดั้งเดิมแล้ว Keyboard
เองก็ออกแบบมาสำหรับการพิมพ์งาน ทำให้ไม่จำเป็นจะต้องมีอะไรมากกว่าจังหวะกดและปล่อย (Activate และ Deactivate) ตอนนี้ที่วงการคอมพิวเตอร์นั้นไปไกลมากขึ้น ด้วยประสิทธิภาพการประมวลผลที่สูงขึ้นมาก
เมื่อเทียบกับสมัยที่คีย์บอร์ดถูก คิดค้นขึ้นมา ซึ่งตอนนั้นการใช้งานคอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่าการคีย์ข้อมูล หรือ ถ้าจะเล่นเกมก็เป็นเกมแบบ Basic ไม่ได้ต้องการความแม่นยำหรือระดับในการกดอะไรมากมายบนคีย์บอร์ด
แต่ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ PC ทำได้แทบจะทุกอย่างทั้งเล่นเกมแบบหนักหน่วง หรือ ทำงานทั่วๆไป / ต่างกับ Console ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานประเภทเล่นเกมโดยเฉพาะ ด้วยอุปกรณ์ควบคุมแบบ Joystick
ที่มีการทำงานของปุ่มบางปุ่มเป็นแบบ Analog ที่มีมากกว่า Activate และ Deactivate ทำให้ผู้เล่นนั้นสามารถควบคุมได้แม่นยำและเล่นเกมได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้น
หลายๆเกมก็จะได้ใช้ประโยชน์ อย่างเช่นเกมประเภท FPS หรือ Racing ทั้งหลาย เช่นเวลาเรากดปุ่มเบา ก็จะเป็นการเดินช้า กดเต็มก็จะเป็นการเดินเร็ว หรือว่า เกมแข่งรถก็ตามที่เวลาเลี้ยวนั้นต้องการน้ำหนักการกด
ว่าจะให้เลี้ยวมากหรือ น้อย ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ คีย์บอร์ดที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถให้ได้

WOOTING ก็เป็นแบรนด์ใหม่ที่จะมาเปิดตลาดและปฏิวัติการใช้งานคีย์บอร์ดให้ง่ายและ แม่นยำขึ้นสำหรับเกมเมอร์ทั้งหลาย โดยจะให้ฟังก์ชั่นที่ไม่เคยมีคีย์บอร์ดแบรนด์ไหนเคยให้มาก่อน..
ผู้เล่นจะสามารถควบคุมการเล่นเกมได้มากกว่าการกดหรือปล่อย โดยตัวคีย์บอร์ดนี้จะมีปุ่ม Analog ที่จะจับการทำงานว่าผู้ใช้นั้นกดลงไปลึกแค่ไหน กดเบาหรือหนักแค่ไหน เพื่อเอาไปประมวลผลให้เข้ากับการใช้งานต่อไป
ซึ่งฟังก์ชั่นแบบนี้ก็จะเหมือนกับปุ่ม Analog ของ Joystick เลยก็ว่าได้ครับ สำหรับวีดีโอสาธิตการทำงานลองดูในเทปแนบมานี้



เมื่อเห็นการทำงานไปแล้วก็ต้องมาลองดูหลักการทำงานของ Analog Input กันบ้างครับ .. ปกติแล้วคีย์บอร์ดทั่วๆไปนั้นก็จะมีการกดกับปล่อยปุ่มเท่านั้นหรือการทำงาน ที่เรียกว่าเป็นแบบ Digital นั่นเอง คือมี On กับ Off
เช่นเวลากด Spacebar ลงไป คอมพิวเตอร์ของคุณก็จะคิดว่า "มันกดแล้ว" หรือว่าปล่อยมือขึ้นมาถึงจุดนึงที่เลย Activation Point คอมพิวเตอร์ของคุณก็จะรู้ว่า "เฮ้ย มันปล่อยแล้ว"
หรือถ้ากดค้างไว้ตรงระหว่างจุดกดกับปล่อยพอดีก็จะได้รับคำสั่งเป็นการ "กด,ปล่อย,กด,ปล่อย,กด,ปล่อย" แบบรัวๆ ไปเรื่อยๆ .. และนี่ก็คือ Input แบบ Digital ที่มีแค่ 1 กับ 0 เท่านั้น / Analog นั้นก็ทำงานอีกแบบครับ
โดยที่ผู้ใช้งานจะสามารถส่งคำสั่ง และ Input ได้มากกว่าแค่ 1 กับ 0 ต่อการใช้งานหนึ่งปุ่ม ทำให้มันซับซ้อนกว่ามาก ผู้ผลิตทั้งหลายจึงไม่ได้มองและปรับแต่งเอาฟังก์ชั่นนี้มาใส่คีย์บอร์ด
โดยเฉพาะ Keyboard ขนาดมาตรฐาน 104 ปุ่มแล้วหล่ะก็ จะต้องมีกลไกการทำงานดังกล่าวมากถึง 104 จุดเลย ก็คงจะเป็นอะไรที่ต้นทุนสูงกันไปหน่อย.. Analog ที่ใช้ใน Keyboard ของทาง Wooting นี้ก็จะจับแรงกดของผู้ใช้
โดยจะคำนวนออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ตามความแรงของการกดแต่ละปุ่มตั้งแต่ 0% จนไปถึง 100% ทำให้ปุ่มการใช้งานของคีย์บอร์ดตัวนี้เปรียบเสมือน Joystick อย่างปุ่ม WSAD ต่อไปนี้ก็จะสามารถกดเบาเพื่อเดินช้า
หรือ กดลึกเพื่อเดินเร็วขึ้นตามแรงกด อย่างที่เห็นในภาพต่อไปนี้..

นอกจากนั้นผู้ผลิตก็ยังทำตัวคีย์บอร์ดมาหลากหลายสี และออกแบบมาให้เป็นแบบหน้ากากหรือว่าเรียกกันว่า Front Plate ที่ผู้ใช้สามารถถอดเปลี่ยนได้ตามต้องการ อย่างเช่นเบื่อสีดำ
จะเปลี่ยนเป็นสีแดง ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกันครับ .. ส่วน LED นั้นก็จะมีมาให้ในรุ่นนี้เช่นเดียวกัน โดยจะเป็น Fully RGB Backlit หรือว่า LED แบบ RGB
ที่ผู้ใช้นั้นสามารถตั้งค่าสีให้ไฟ LED แสดงผลตามต้องการได้ครบทุกสีเลยก็ว่าได้ครับ

บริษัท WOOTING นี้ก็เป็นบริษัท Dutch หรือว่าจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่หลายๆคนอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อน.. ไม่ต้องแปลกใจครับ แอดมินเองยังไม่เคยได้ยินเลยเช่นกัน
ซึ่งการเปิดตัวแบรนด์นี้สู่สายตาชาวโลกก็จะมากับเทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการ คีย์บอร์ดอย่างเช่น WOOTING One ตัวนี้ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน และนอกจากนั้นก็ยังมีแผนว่าจะส่งขายมันทั่วโลกเลยด้วย
เพราะฉะนั้นคนไทยก็มีโอกาสได้ใช้เหมือนกันเมื่อเปิดตัวมาแล้ว / เรื่องราคาทางบริษัทก็บอกมาว่ามันจะเป็นโปรดักส์ที่อยู่ในระดับ Midrange หรือว่า ระดับกลางๆ
ที่เกมเมอร์โดยเฉลี่ยจะจับต้องได้ แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าระดับกลางของเขาเนี่ยคือเท่าไหร่กันแน่ครับ
WOOTING เองก็ไม่ใช่บริษัทใหญ่โตอะไรมากมาย โดยไม่ได้เรียกตัวเองว่าบริษัทด้วยซ้ำแต่กลับเรียกตัวเองว่า Developer หรือว่าผู้พัฒนา
ซึ่งระยะแรกในการสร้างคีย์บอร์ดตัวนี้ก็จะเป็นการของบประมาณด้วยซ้ำไป (Funding) ซึ่งตอนนี้ก็ดูจะมีความเป็นไปได้สูง
เพราะว่า Funding ก็ได้แล้ว จะเหลือก็แค่ตัว Software Bundle ควบคุมคีย์บอร์ดที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ..
ก็นับว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจมากครับ และทางเว็ปไซต์เราก็จะติดตามอย่างใกล้ชิดเมื่อมีอะไรอัพเดท แต่คาดว่าวางขายในปีนี้แน่นอนครับ




ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจากเวป www.overclockzone.com

ที่มาของข่าว: http://www.overclock3d.net/articles/...cal_keyboard/1